คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้ออ้างของโจทก์ว่าทั้งตัวโจทก์และทนายโจทก์เข้าใจว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปตามวันเวลาที่ทนายจำเลยแถลง ซึ่งเป็นวันหลังจากที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อ 1 วัน แม้จะเป็นความจริงก็เป็นความผิดของโจทก์เอง กรณียังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ยกคดีขึ้นไต่สวนต่อไป การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามนัดแล้ว และไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวนต่อไป เมื่อโจทก์ไม่มาศาลเสียแล้ว แม้จะมิใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก ศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ใช้จ้างวานให้จำเลยที่ 2 กับบุคคลอื่นกระทำการเจาะสกัดฝาผนังอาคารของโจทก์ขนาดกว้าง30 เซนติเมตร ลึกประมาณ 2 นิ้ว ทำให้ผนังอาคารของโจทก์ ในบริเวณนั้นใช้การไม่ได้ เมื่อฝนตกลงมาน้ำจะรั่วซึม เข้ามาในอาคารของโจทก์โดยจำเลยทั้งสองมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำให้เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ซึ่งผนังอาคารของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,84, 358
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2533โดยสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก แล้วเลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อวันที่6 มีนาคม 2533 เวลา 13.30 นาฬิกา
ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อดังกล่าว ทนายจำเลยทั้งสองมาศาลแต่ฝ่ายโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2533 นอกจากจะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างในฎีกาว่าทนายจำเลยแถลงขอนัดในวันที่ 3 มีนาคม 2533เวลา 13.30 นาฬิกา แล้ว ยังปรากฏว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อในวันที่ 6 มีนาคม 2523 เวลา 13.30 นาฬิกา โดยศาลชั้นต้นได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาฉบับนี้ให้คู่ความฟังแล้วทั้งตัวโจทก์ ทนายโจทก์และทนายจำเลยทั้งสองต่างก็ลงชื่อรับทราบไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับดังกล่าวด้วย จึงต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายทราบวันเวลานัดแล้ว เมื่อถึงวันเวลานัดไต่สวนมูลฟ้องต่อคือในวันที่6 มีนาคม 2533 เวลา 13.30 นาฬิกา ก็ปรากฏว่าทนายจำเลยทั้งสองมาพร้อมโดยไม่มีใคร จำวันเวลานัดคลาดเคลื่อน ดังนี้ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าทั้งตัวโจทก์และทนายโจทก์เข้าใจว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องไปเป็นวันที่ 7 มีนาคม 2533 เวลา 13.30นาฬิกา นั้น แม้จะเป็นความผิดของโจทก์เอง กรณียังถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องต่อไปอีกโจทก์ฎีกาอีกประการหนึ่งว่า โจทก์นำพยานเข้าสืบไปบ้างซึ่งเพียงพอที่จะแสดงว่าโจทก์มีมูลแล้วศาลชั้นต้นควรสั่งประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปนั้น เห็นว่า การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามนัดแล้วและไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวนต่อไป เมื่อโจทก์ไม่มาศาลเสียแล้วแม้จะมิใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรกศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคแรก
พิพากษายืน.

Share