แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์พยายามปฏิเสธว่าโจทก์ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โดยไม่มีการหยิบยกข้อเท็จจริงที่แสดงว่าโจทก์เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและได้พ้นโทษแล้ว เข้าเงื่อนไขหรือองค์ประกอบตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ ขึ้นอ้างเป็นประโยชน์แก่ตนต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 ในระหว่างสอบสวนคุณสมบัติของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่เคยอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 คณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ทราบและไม่ได้นำ พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ ดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาให้ กรณีจึงหาเป็นความผิดของคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 ไม่ มติของคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งเพิกถอนประกาศและคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งและขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 2 ที่ไม่รับคำร้องคัดค้านของโจทก์ กับขอให้มีคำสั่งให้โจทก์ดำรงตำแหน่งบิหลั่นประจำมัสยิดนาซีรุดดีนต่อไปจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่ 9/2549 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2549 และคำสั่งที่ 10/2549 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 ของจำเลยที่ 1 และให้โจทก์ยังคงดำรงตำแหน่งบิหลั่นประจำมัสยิดนาซีรุดดีน ต่อไป คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีเพียงว่า โจทก์เคยอ้างข้อเท็จจริงที่แสดงว่าโจทก์เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและได้พ้นโทษแล้ว เข้าเงื่อนไขหรือองค์ประกอบที่ได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ.2539 ต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 หรือไม่ และคณะกรรมการฯ จำเลยที่ 1 ไม่นำมาประกอบการพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า ตามสำเนาหนังสืออุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์อ้างว่าคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 ไม่มีหลักฐานแสดงว่าโจทก์กระทำผิดเมื่อไร ที่ไหน ข้อหาใด ศาลลงโทษอย่างไร และเคยถูกพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 2 ปี และตามหนังสือเรื่องขอคัดค้านในข้อกล่าวหาจากพยานบุคคล โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่เคยกระทำความผิด ทั้งสำเนาคำเบิกความของโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 598/2550 ของศาลชั้นต้น ที่โจทก์ฟ้องนายประดิษฐ์ กับพวกเป็นจำเลย โดยโจทก์เบิกความว่าไม่เคยก่อคดีทำร้ายร่างกายนายปาน ฯลฯ นอกจากนี้ในคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าโจทก์ต้องโทษจำคุกจริงหรือไม่ และรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ศาลสอบถามโจทก์ โจทก์รับว่าถูกฟ้องจริงแต่โจทก์ต่อสู้คดีและศาลปล่อยโจทก์ออกมา กรณีเท่ากับว่าโจทก์พยายามปฏิเสธว่าโจทก์ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนนั่นเองโดยไม่มีการหยิบยกข้อเท็จจริงที่แสดงว่าโจทก์เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและได้พ้นโทษแล้วเข้าเงื่อนไขหรือองค์ประกอบตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ดังกล่าวขึ้นอ้างเป็นประโยชน์แก่ตนต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 ให้เห็นแต่ประการใด คำเบิกความของโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า โจทก์เคยอ้างข้อเท็จจริงที่แสดงว่าโจทก์เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและได้พ้นโทษแล้วเข้าเงื่อนไขหรือองค์ประกอบตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯดังกล่าวขึ้นเป็นประโยชน์แก่ตนเองเสนอต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 ในระหว่างสอบสวนคุณสมบัติของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่เคยอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 คณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ทราบและไม่ได้นำพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ดังกล่าวมาประกอบ การพิจารณาให้ กรณีจึงหาเป็นความผิดของคณะกรรมการฯ จำเลยที่ 1 ไม่ แต่น่าจะเป็นความผิดหรือความบกพร่องของโจทก์ที่ไม่รอบคอบเอง มติของคณะกรรมการฯ ผู้แทนจำเลยที่ 1 จึงชอบแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ