แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันภัยมิได้เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุที่ เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัย แต่บุตรของผู้เอาประกันภัยเป็นผู้นำรถคันดังกล่าวไปใช้และเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเหตุได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจึงไม่พ้นความรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 6 ค-0360กรุงเทพมหานคร เอาประกันภัยไว้กับจำเลยประเภทคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2528 เวลาประมาณ 22.30 นาฬิกา ว. บุตรโจทก์ ขับรถคันดังกล่าวจากมหาวิทยาลัยกษตรศาสตร์ ไปทางถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อกลับบ้านที่ซอยยศเส ถนนสวนมะลิ เมื่อขับรถถึงสี่แยกถนนวิภาวดีรังสิต ตัดกับถนนงามวงศ์งาน ว.ขับเลยสี่แยกไป ต่อมารู้ตัวจึงเลี้ยวรถกลับมาที่สี่แยก แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางเดินรถช่องที่สองจากขวามืออันเป็นเส้นทางเดินรถที่วิ่งจากลาดพร้าวโดยเข้าใจผิด จึงจอดรถ สักครู่ ศ.ขับรถยนต์ยี่ห้อดัทสันหมายเลขทะเบียน 8 ค-8098 กรุงเทพมหานคร สวนทางมาด้วยความเร็วเป็นเหตุให้ชนกันขึ้น ผู้โดยสารในรถยนต์ดัทสันได้รับบาดเจ็บเสียค่ารักษาพยาบาล 4,500 บาท และรถยนต์ดัทสันได้รับความเสียหาย เสียค่าซ่อม16,500 บาท โจทก์ชำระค่าเสียหายทั้งหมดให้ผู้เสียหายไปแล้ว ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาประกันภัย พร้อมดอกเบี้ยขอบังคับให้จำเลยชำระเงิน 22,575 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 21,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ว. ขับรถคันที่เอาประกันภัยไว้กับจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายสูงเกินสมควร โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ว.ขับรถยนต์ของโจทก์ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 22,575 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังเป็นยุติว่า โจทก์เอาประกันภัยรถยนต์วอลโว่า หมายเลขทะเบียน 6 ค-0360 กรุงเทพมหานครของโจทก์ไว้กับจำเลยประเภทคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก วันเวลาเกิดเหตุนายวิชัย เอื้ออนันต์ บุตรโจทก์ขับรถคันดังกล่าวชนกับรถยนต์ดัทสันหมายเลขทะเบียน8 ค-8098 กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้รถยนต์ดัทสันได้รับความเสียหายเสียค่าซ่อม16,500 บาท และบุคคลที่นั่งมาในรถยนต์ดัทสันได้รับบาดเจ็บเสียค่ารักษาพยาบาล4,500 บาท โจทก์ชำระค่าเสียหายทั้งหมดให้ผู้เสียหายไปแล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้โจทก์หรือไม่
พิเคราะห์แล้วที่จำเลยฎีกาว่า นายวิชัยเป็นบุตรของโจทก์ โจทก์ย่อมทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า หากบุตรของโจทก์นำรถยนต์ไปใช้จนเกิดความเสียหายก่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่นแล้ว โจทก์ก็ต้องรับผิดเสมือนโจทก์ก่อให้เกิดขึ้นเองทั้งสิ้น การที่โจทก์ได้ยินยอมอนุญาตให้บุตรของโจทก์นำรถยนต์ไปใช้ได้ จึงไม่พ้นความรับผิดนั้นเห็นว่ากรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.1 เป็นประกันภัยค้ำจุน เมื่อวินาศภัยเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัย จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เว้นแต่เป็นกรณีตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความทุจริต หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ฯลฯ” ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 879 ดังกล่าวเป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยจึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่า หมายถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือของผู้รับประโยชน์เท่านั้นแต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ ปรากฏว่า โจทก์มิได้เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุที่เอาประกันภัยไว้ต่อจำเลย แต่นาย ว. บุตรโจทก์เป็นผู้ขับ วินาศภัยจึงมิได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของโจทก์ แม้นาย ว. จะได้นำรถคันเกิดเหตุซึ่งเป็นของโจทก์ไปใช้ ก็ยังถือไม่ได้ว่า เหตุได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ ผู้เอาประกันภัยจำเลยผู้รับประกันภัยจึงไม่พ้นความรับผิด”
พิพากษายืน