คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,140, 288, 289, 80, 90, 91 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิง อ. และ พ. ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันก่อน อ. ถึงแก่ความตาย ส่วน พ. ได้รับอันตรายสาหัสครั้นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้เห็นเหตุการณ์เข้าจับกุมจำเลยตามหน้าที่ จำเลยได้ยิงเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นเพื่อขัดขวางการจับกุม จนเจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นได้รับอันตรายแก่กายการกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน กล่าวคือที่ยิง อ. และ พ. นั้นเป็นกรรมหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, และ 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และที่ยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นเป็นอีกกรรมหนึ่ง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140 และ 289ประกอบด้วยมาตรา 80 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ เฉพาะบทหนักอันเป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้เสียได้ โดยไม่ต้องมีคู่ความฝ่ายใดยกประเด็นข้อนี้ขึ้น ฎีกาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้ปืนเป็นอาวุธปืนยิงนายอาวุธ บุญโยดมและนายพุ่ม ลอยเลื่อน โดยเจตนาฆ่า นายอาวุธได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตายส่วนนายพุ่ม ได้รับอันตรายสาหัส ขณะนั้นเองร้อยตำรวจโทอุทิศ พงศ์พานิช เห็นเหตุการณ์ได้เข้าทำการจับกุมจำเลยได้ใช้อาวุธปืนนั้นยิงร้อยตำรวจโทอุทิศ โดยเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ และต่อสู้ขัดขวางการจับกุมเจ้าพนักงานดังกล่าว กระสุนปืนถูกเจ้าพนักงานดังกล่าว แต่ไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงนายอาวุธและนายพุ่มซึ่งนั่งซ้อนกันอยู่ก่อน ครั้นเมื่อร้อยตำรวจโทอุทิศเข้าจะจับกุมจำเลยตามหน้าที่ จำเลยก็ได้ใช้ปืนนั้นยิงร้อยตำรวจโทอุทิศอีก การกระทำของจำเลยดังกล่าวนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายสองกรรมต่างกันกล่าวคือที่จำเลยยิงนายอาวุธและนายพุ่มนั้นเป็นกรรมหนึ่ง ครั้นเมื่อร้อยตำรวจโทอุทิศจะจับจำเลย พอตะครุบ จำเลยก็ยิงร้อยตำรวจโทอุทิศ เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ อันเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐นั้นไม่ถูกต้อง
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐,๑๓๘, ๑๔๐ และ ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๘๘ อันเป็นกระทงและบทหนักที่สุดตามมาตรา ๙๐, ๙๑

Share