คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยผัดชำระเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยยังไม่สั่งบังคับคดีทันทีเพราะมีเหตุอันสมควรนั้น เป็นการสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจกระทำได้ เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามอำนาจแห่งดุลพินิจของศาลชั้นต้น หาใช่เป็นการขยายเวลาชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม อันเป็นผลให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาไม่

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องคดีของแบ่งมรดกของผู้ตาย คู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๑๑ ซึ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ ๑ มีว่า “จำเลยยอมใช้เงินให้โจทก์เป็นจำนวนทั้งสิ้นหนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถ้วน โดยจะชำระให้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับจากวันนี้เป็นเงินสามหมื่นบาท ส่วนที่เหลือจะชำระให้เป็นงวด ๆ ต่อจากการชำระงวดแรก โดยจะชำระให้งวดละสามเดือน งวดละหนึ่งหมื่นบาท ไปจนกว่าจะครบ ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที” ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอม
วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๑๑ จำเลยที่ ๑ นำเงินมาวางศาล ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อชำระแก่โจทก์
วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๑๑ จำเลยที่ ๑ นำเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท มาวางศาลเพื่อชำระให้แก่โจทก์
วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๒ จำเลยที่ ๑ นำเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท มาวางศาลเพื่อชำระให้แก่โจทก์
ปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินทั้ง ๓ งวดที่จำเลยนำมาวางศาลแล้ว ครั้นวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๒ จำเลยที่ ๑ ได้นำเงินจำนวน ๕,๐๐๐ บาท มาวางศาลเพื่อชำระแก่โจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำขอต่อศาลว่าจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อชำระแก่โจทก์ ให้ครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยขายทอดตลาด
เอาเงินชำระหนี้โจทก์ที่ยังค้างอยู่ ๙๐,๐๐๐ บาท ศาลสั่งนัดคู่ความมาพร้อมกันก่อน ครั้นวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๒ ซึ่งเป็นวันนัดพร้อม คู่ความมาศาล ศาลได้ไกล่เกลี่ย จำเลยว่าจะนำเงินมาชำระให้ครบงวดภายในวันที่ ๒๒ เดือนเดียวกัน ศาลสอบโจทก์ โจทก์ไม่ยอม ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นระยะเวลาเพียง ๓ วันที่จำเลยขอ หากจะดำเนินการบังคับคดีก็จะล่าช้ากว่า จึงสั่งอนุญาตตามที่จำเลยร้องขอ หากผิดนัดให้หมายบังคับคดีทันที
รุ่งขึ้นวันที่ ๒๐ จำเลยได้นำเงิน ๕,๐๐๐ บาท มาวางศาลเพื่อชำระแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งว่า คู่ความไม่มีสิทธิจะร้องขอให้ศาลแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นได้ เพราะถือเสมือนร้องขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้นน่าจะต้องมีคำสั่งให้ออกหมายบังคับคดี ไม่ควรจะสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมไปตามที่จำเลยขอ เป็นการไม่ชอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔ เมื่อจำเลยประพฤติผิดข้อสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ ๑ โจทก์ย่อมมีสิทธิให้ศาลออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑ ที่ศาลสั่งขยายเวลา โดยมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ทันทีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๖ เป็นการไม่ชอบ พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ถือว่า การขยายเวลาชำระหนี้ตามที่ศาลชั้นต้นสั่งไปยังไม่ชอบ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการออกหมายบังคับคดีและสั่งในเรื่องค่าธรรมเนียมในชั้นบังคับคดีไปตามคำขอของโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยผัดชำระเงินตามยอม โดยยังไม่สั่งบังคับคดีทันที เพราะมีเหตุสมควรนั้น เป็นการสั่งให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๒ (๒) ซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งได้ เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามอำนาจแห่งดุลพินิจของศาลที่บังคับคดีอันมีอยู่โดยทั่วไป มิใช่เป็น การขยายเวลาชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมอันเป็นผลให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้จำเลยวางเงินต่อศาลโดยยังไม่บังคับคดียึดทรัพย์จำเลยทันทีนั้น ชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share