คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยต่างมีความผูกพันในอันที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกัน เมื่อหนี้ของทั้งสองฝ่ายต่างถึงกำหนดแล้ว ย่อมจะหักกลบลบกันได้ โดยจำเลยไม่ต้องฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่หรือฟ้องแย้ง เพราะโจทก์มีความผูกพันจะต้องชำระหนี้ให้แก่จำเลยตามสัญญาค้ำประกันส่วนจำเลยก็มีความผูกพันจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งการที่มิได้มีการมอบตั๋วสัญญาใช้เงินตามสัญญาค้ำประกัน ก็มิใช่เป็นเครื่องแสดงเจตนาของคู่กรณีว่า จะมิให้นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341 มาใช้บังคับจำเลยจึงมีสิทธิที่จะหักกลบลบกันได้ตามจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ตั้งแต่เวลาที่หนี้ทั้งสองฝ่ายอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 1,859,666.57 บาทแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “สำหรับปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์จะต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันสำหรับเช็คตามเอกสารหมาย ล.1ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างนำมาแลกเงินสดกับจำเลยดังกล่าวแล้วนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขอหักกลบลบหนี้กับตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.5 จ.6 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าทั้งโจทก์และจำเลยต่างมีความผูกพันในอันที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกัน โดยที่หนี้ของทั้งสองฝ่ายต่างถึงกำหนดแล้วเช่นนี้ ย่อมจะหักกลบลบกันได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341 จำเลยหาจำเป็นจะต้องฟ้องโจทก์เป็นคดีใหม่หรือฟ้องแย้งแล้วจึงขอหักกลบลบกันอย่างที่โจทก์เข้าใจไม่ และถึงแม้จะมิได้มีการมอบตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ.5 จ.6 ให้จำเลยไว้เป็นหลักประกันตามสัญญาค้ำประกันก็หักกลบลบกันได้ เพราะโจทก์มีความผูกพันจะต้องชำระหนี้ให้แก่จำเลยตามสัญญาค้ำประกัน ส่วนจำเลยก็มีความผูกพันจะต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ทั้งการที่มิได้มีการมอบตั๋วสัญญาใช้เงินตามสัญญาค้ำประกันก็มิใช้เป็นเครื่องแสดงเจตนาของคู่กรณีว่าจะมิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 341 มาใช้บังคับ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะหักกลบลบกันได้ตามจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ตั้งแต่เวลาที่หนี้ทั้งสองฝ่ายอาจหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก

ปัญหาสุดท้ายเรื่องดอกเบี้ยที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์ต้องรับผิดตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2520 อันเป็นวันที่เช็คตามเอกสารหมาย ล.5ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ซึ่งโจทก์ฎีกาว่าจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างค้างชำระตั้งแต่เมื่อใดนั้น เห็นว่าโจทก์ต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างสำหรับเช็คตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างนำมาแลกเงินสดกับจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเช็คดังกล่าวธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างยังมิได้ชำระหนี้ตามเช็คนั้นให้แก่จำเลยหากห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงงานโลหะภัณฑ์การช่างชำระดอกเบี้ยหลังจากเช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินก็เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความเช่นนั้น ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองให้โจทก์รับผิดในเรื่องดอกเบี้ย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share