คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้กู้ฟ้องว่าได้ส่งข้าวเปลือกชำระแทนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ให้กู้ตามที่ได้ตกลงกับจำเลยแล้ว บัดนี้จำเลยกลับทำผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระเงินกู้รายนั้นให้ จึงขอให้ศาลหักราคาข้าวเปลือกชำระหนี้หรือคืนข้าวเปลือกให้โจทก์ ดังนี้ถือว่าประเด็นมีว่าจำเลยได้ผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระหนี้ให้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์อีกคดีหนึ่งหาว่าโจทก์ผิดสัญญากู้เงินไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งมีประเด็นว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยด้วยเงินตราแล้วหรือยัง ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ จึงไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา148

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยออกใบรับเงินค่าข้าวเปลือกที่นางผันจำเลยดวงไป 2 คราวเป็นเงิน 1,260 บาท ให้โจทก์มิฉะนั้นให้จำเลยคิดหักราคาข้าวเปลือกกับเงินที่กู้ไปให้โจทก์เป็นการปลดหนี้เงินกู้แล้วให้จำเลยใช้เงิน 18 บาทที่เกิดให้โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ยอมหักก็ขอให้จำเลยคืนข้าวเปลือก 140 ถังหรือคิดเป็นเงิน 1,260 บาทให้โจทก์

จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่เคยตวงข้าวของโจทก์เป็นการชำระหนี้เงินกู้เลย และหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยนั้นจำเลยได้ฟ้องโจทก์ ๆ ไม่สู้คดี ศาลพิจารณาสำนวนจำเลยไปฝ่ายเดียวและพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินให้จำเลยตามฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว ดังปรากฏตามสำนวนความคดีหมายเลขแดงที่ 128/98

ในการชี้สองสถาน ศาลสอบถามคู่ความรับกันว่าหนังสือสัญญากู้ที่โจทก์นั้นคือที่จำเลยนำมาฟ้องโจทก์ในคดีแดงที่ 128/2498 ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายและพิพากษาว่าคดีของโจทก์ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่จำเลยสัญญาว่าจะเอาราคาข้าวเปลือกที่จะชำระให้แก่โจทก์นั้นหักกับหนี้ที่จำเลยเป็นเจ้าหนี้โจทก์อยู่เป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งต่างหากจากเรื่องเงินกู้โจทก์มีสิทธิจะฟ้องให้จำเลยคืนข้าวเปลือกหรือใช้ราคาข้าวเปลือกได้ตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ 183/2486 คดีระหว่างนางจู ประพันธ์โจทก์ นายอ่ำ สาระเวชจำเลย ฟ้องโจทก์ไม่ฟ้องซ้ำ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีนี้แล้วเห็นว่าคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์เรียกต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืมนั้นตามข้อสัญญาปรากฏว่าโจทก์จะต้องชำระต้นเงินและดอกเบี้ยด้วยเงินตราส่วนตามฟ้องของโจทก์คดีนี้อ้างว่าจำเลยมาทำสัญญากับโจทก์ใหม่เปลี่ยนเป็นให้โจทก์ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยรายนี้ด้วยข้าวเปลือกครั้นโจทก์ชำระด้วยข้าวเปลือกแล้วจำเลยกลับทำผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระหนี้เงินกู้รายนั้นให้ ดังนี้จึงเห็นได้ว่าประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีก่อนในข้อสำคัญมีว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยด้วยเงินตราแล้วหรือยัง ส่วนประเด็นสำคัญที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้ว่าจำเลยได้ทำผิดสัญญาไม่คิดราคาข้าวเปลือกชำระหนี้ให้จริงหรือไม่ เมื่อเช่นนี้ประเด็นสำคัญแห่งคดีนี้จึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยแล้วในคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำคดีก่อนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 วรรคต้น และ เรื่องนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยมาแล้วดังคำพิพากษาฎีกาที่ศาลอุทธรณ์อ้างนั้นฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share