คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์เพราะเหตุที่ผู้ร้องไม่นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบมาตรา 132 (2) โดยเฉพาะ มิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้เสียทีเดียว ไม่เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องหรือถอนฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องมีคำสั่งเรื่องค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้อง กรีนี้เป็นการจำหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควรมิใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่า ธรรมเนียมศาล

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์นำยึดที่ดิน 2 แปลง เพื่อบังคับชำระหนี้โดยอ้างว่าเป็นของจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยที่ดินทั้งสองแปลงที่โจทก์นำยึด
ระหว่างนัดไต่สวนคำร้องขอ โจทก์ยื่นคำร้องว่า คำร้องขอของผู้ร้องไม่มีเหตุผล พยานหลักฐานและข้ออ้างของผู้ร้องเบื้องต้นไม่มีมูล เป็นการประวิงคดีให้ชักช้า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากเหตุที่เนิ่นช้า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องวางเงินหรือหาหลักประกันมาวางต่อศาลเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 5,000,000 บาท ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าผู้ร้องไม่ได้นำเงินหรือหลักทรัพย์มาวางต่อศาลภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาของผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาให้ผู้ร้องทั้งหมด ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ผู้ร้องยื่นคำแถลงขอรับเงินค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นคืนจำนวน 200,000 บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของผู้ร้องออกจากสารบบความโดยไม่ได้สั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลแก่ผู้ร้องเท่ากับให้เป็นพับ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมศาลคืน ให้ยกคำแถลง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิได้รับเงินค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นคืนหรือไม่ เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นให้จำหน่ายคดีกรณีร้องขัดทรัพย์เพราะเหตุที่ผู้ร้องไม่นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เป็นคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 วรรคสอง (1) ประกอบด้วยมาตรา 132 (2) โดยเฉพาะมิใช่เป็นการไม่รับคำร้องขัดทรัพย์ไว้เสียทีเดียว ไม่เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้องหรือถอนฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง กฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องมีคำสั่งเรื่อง ค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่เสียไว้ในเวลายื่นคำฟ้อง แต่เมื่อกรณีนี้เป็นการจำหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 วรรคหนึ่ง ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้ศาลกำหนดเงื่อนไขในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมตามที่เห็นสมควร มิใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาล การที่ศาลล่างทั้งสองไม่สั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลในศาลชั้นต้นให้แก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share