แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์อ้างว่าเป็นสามีไม่ชอบด้วยกฎหมายของ ส. เจ้ามรดกและมีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์มรดกเพราะทำมาหาได้ร่วมกัน ถือว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกได้
เมื่อศาลได้มีคำสั่งตั้งจำเลยให้เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. แล้ว การที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้นั้น กรณีจึงต้องมีเหตุตามกฎหมาย คือ ผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ข้ออ้างที่โจทก์ว่าจำเลยโอนที่ดินและเบิกถอนเงินฝากในธนาคารไปอย่างรีบร้อนและไม่จำเป็น ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวโจทก์และเจ้ามรดกทำมาหาได้ร่วมกัน แม้เป็นจริงดังอ้างก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น โจทก์ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีได้ต่างหากอยู่แล้ว ส่วนการที่อ้างว่าจำเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดกนั้นทรัพย์มรดกต่าง ๆ ก็มีระบุไว้ในพินัยกรรมแล้ว กรณีดังนี้หาใช่เหตุที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือเหตุอื่นอันสมควรให้ศาลสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1727 ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมของนางสาวสุมาลัยและขอให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวสุมาลัย
ศาลชั้นต้น เห็นว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนพินัยกรรมของนางสาวสุมาลัยเป็นคดีหมายเลขดำที่ 144/2542 ของศาลชั้นต้น ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา ฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับคำขอบังคับที่ขอให้เพิกถอนพินัยกรรมของนางสาวสุมาลัยจึงเป็นฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ในส่วนดังกล่าว และรับฟ้องเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับคำขอบังคับที่ให้ถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวสุมาลัยเท่านั้น
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์และจำเลยรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์กับนางสาวสุมาลัยอยู่กินกันฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน นางสาวดาริณีและนางสาวกุลพรซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วไม่ใช่บุตรของโจทก์หรือนางสาวสุมาลัย โจทก์และนางสาวสุมาลัยนำมาเลี้ยงดูและให้การศึกษา โดยไม่ได้จดทะเบียนรับบุคคลดังกล่าวเป็นบุตรบุญธรรม ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นสามีไม่ชอบด้วยกฎหมายของนางสาวสุมาลัยเจ้ามรดก และมีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์มรดกเพราะทำมาหาได้ร่วมกัน ถือว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดกได้ แต่เนื่องจากศาลได้มีคำสั่งตั้งจำเลยให้เป็นผู้จัดการมรดกของนางสาวสุมาลัยแล้ว เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก กรณีจึงต้องมีเหตุตามกฎหมายคือผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควร ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า จำเลยโอนที่ดินและเบิกถอนเงินฝากในธนาคารไปอย่างรีบร้อนและไม่จำเป็น ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวโจทก์และเจ้ามรดกทำมาหาได้ร่วมกันนั้น แม้เป็นจริงดังอ้างก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น โจทก์ชอบที่จะฟ้องเป็นคดีได้ต่างหากอยู่แล้ว ส่วนการที่อ้างว่าจำเลยไม่ทำบัญชีทรัพย์มรดกนั้น ทรัพย์มรดกต่าง ๆ ก็มีระบุไว้ในพินัยกรรมแล้ว กรณีดังนี้หาใช่เหตุที่จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือเหตุอื่นอันสมควรให้ศาลสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1727 ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.