คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2518การนับอายุความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 มิให้นับวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 ซึ่งเป็นวันแรกรวมคำนวณไปด้วย เพราะมิได้มีการเริ่มอะไรในวันนั้น ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2518 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2519 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะครบ 1 ปี คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
จำเลยที่ 3 เข้าหุ้นกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการเหมืองแร่จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามและจำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้อำนาจศาลกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดจึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้ในโดยเฉพาะแล้ว จะนำกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการทำเหมืองแร่จำเลยที่ 3 เป็นหุ้นส่วนดำเนินงานกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีหน้าที่ทำกิจการและดูแลเหมืองแร่ ในขณะปฏิบัติหน้าที่จำเลยที่ 1 ได้ใช้ปืนยิงโจทก์โดยเจตนาฆ่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสตาขวาบอดเสียค่ารักษาพยาบาล 1,590 บาท ขาดรายได้ระหว่างรักษาตัว 3,600 บาท และขอค่าสินไหมทดแทนที่ตาพิการ 100,000บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปในเขตประทานบัตรของจำเลยที่ 2 โดยมุ่งจะลักทรัพย์ จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดเพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 กระทำไปเกี่ยวกับการป้องกันตัวและทรัพย์สิน โจทก์เสียหายไม่เกิน 1,000 บาท โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 54,440 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสามอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 488 หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า เหตุเกิดวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 โจทก์ต้องฟ้องภายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2519 ซึ่งเป็นวันครบ 1 ปี ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 บัญญัติว่า “ถ้าระยะเวลานับเป็นวันก็ดี สัปดาห์ เดือนหรือปีก็ดีท่านมิได้นับวันแรกแห่งระยะเวลานั้นรวมคำนวณเข้าด้วยเว้นแต่จะเริ่มการในวันนั้นเอง” ตามบทบัญญัติดังกล่าว การนับเวลาในคดีนี้ จึงนับวันที่ 20 พฤษภาคม 2518 ซึ่งเป็นวันแรกคำนวณเข้าในอายุความด้วยไม่ได้ เพราะมิได้มีการเริ่มอะไรในวันนั้น ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2518 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2519 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะครบ 1 ปี คดีของโจทก์ จึงไม่ขาดอายุความ

จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่เป็นยามรักษาทรัพย์สินของเหมืองแร่ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าหุ้นส่วนกันดำเนินกิจการ จำเลยที่ 1จึงเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย การที่จำเลยที่ 3 มอบอาวุธปืนให้จำเลยที่ 1 ไปใช้ในการอยู่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และการที่จำเลยที่ 1 ใช้ปืนที่จำเลยที่ 3 มอบไปยิงโจทก์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่อยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 กับที่ 3 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425

จำเลยทั้งสามฎีกาว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้ระบุกำหนดไว้ชัดว่าจะต้องชดใช้กันเท่าไร ต้องนำกฎหมายใกล้เคียงคือกฎหมายแรงงานมาใช้ ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้บัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดอันเกิดจากมูลละเมิดไว้แล้ว ส่วนจะรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดเป็นเรื่องที่คู่ความจะต้องนำสืบ และมาตรา 438 แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวก็ให้อำนาจศาลวินิจฉัยกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด จึงเป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วจะนำกฎหมายแรงงานเกี่ยวกับความรับผิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่มาใช้บังคับไม่ได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share