แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมจำเลยเช่าห้องพิพาทของโจทก์เป็นที่อยู่อาศัย และจำเลยก็ได้อยู่อาศัยตลอดมา แต่ต่อมาจำเลยได้เอาห้องพิพาทให้ผู้อื่นเช่าช่วงทำการค้าโดยจำเลยได้รับประโยชน์จากผู้เช่าช่วงมากมาย ทั้งห้องพิพาทก็เป็นตึกแถวอยู่ในทำเลการค้า และแม้จำเลยยังคงพักพิงอาศัยอยู่ในห้องพิพาทตลอดมา ก็ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยได้เปลี่ยนการใช้ห้องพิพาทให้เป็นสถานที่ทำการค้าไปเสียแล้ว ห้องพิพาทจึงไม่เป็นเคหะซึ่งจำเลยจะได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯต่อไปได้ และเมื่อเช่นนี้ การที่จำเลยยังคงพักพิงอาศัยอยู่ในห้องพิพาทตลอดมาก็ดีข้อที่ว่าจำเลยให้เช่าช่วงไปโดยได้รับความยินยอมจากผู้แทนของโจทก์ก็ดี หาเป็นข้อสำคัญที่จะทำให้ห้องพิพาทคงเป็นเคหะตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ อยู่ต่อไปไม่
ย่อยาว
ได้ความตามข้อเท็จจริงซึ่งรับกันว่า เดิมจำเลยเช่าห้องพิพาทของโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยและจำเลยก็ได้อยู่อาศัยตลอดมา แต่ต่อมาจำเลยได้เอาห้องพิพาทให้ผู้อื่นเช่าช่วงทำการค้า โดยจำเลยได้รับประโยชน์จากผู้เช่าช่วงมากมาย ทั้งห้องพิพาทก็เป็นตึกแถวอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยก็ยังคงพักพิงอาศัยอยู่ในห้องพิพาทตลอดมาและจำเลยค้างชำระค่าเช่า
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างรวม 550 บาท และค่าเช่าต่อ ๆ ไปเดือนละ 25 บาทให้โจทก์ ส่วนที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่ารายนี้ให้ยกเสีย
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษาแก้ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องของโจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแพ่ง
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยได้เปลี่ยนการใช้ห้องพิพาทให้เป็นสถานที่ทำการค้าไปเสียแล้ว ห้องพิพาทจึงไม่คงเป็นเคหะซึ่งจำเลยจะได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ต่อไปได้ และเมื่อเช่นนี้การที่จำเลยยังคงพักพิงอาศัยอยู่ในห้องพิพาทตลอดมาก็ดีข้อที่ว่าจำเลยให้เช่าช่วงไปโดยได้รับความยินยอมจากผู้แทนของโจทก์ก็ดี หาเป็นข้อสำคัญที่จะทำให้ห้องพิพาทคงเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ อยู่ต่อไปไม่ โดยเหตุนี้ประเด็นที่คู่ความยกขึ้นทุ่มเถียงกัน จึงวินิจฉัยได้ว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทของโจทก์เป็นที่ทำการค้า หาใช่เช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่ จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ต่อไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้