คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเอาที่จากนางป้าหญ้าระหว่างคดีนางป้าหญ้าตายลง นายมะแข่ง บุตรนางป้าหญ้าได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกความนางป้าหญ้าเพื่อดำเนินคดีกับโจทก์ต่อไป จำเลยก็ยื่นคำร้องต่อศาลขอรับมรดก คดีนางป้าหญ้าด้วยโดยอ้างเหตุว่าเพราะนางป้าหญ้าได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้จำเลย ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องนายมะแข่งเพื่อแสดงว่าจำเลยมีสิทธิในกองทรัพย์สินดีกว่านายมะแข่ง แต่จำเลยไม่จัดการฟ้องนายมะแข่งในเวลาที่ศาลกำหนดศาลจึงสั่งให้นายมะแข่งรับมรดกความนางป้าหญ้า นายมะแข่งจึงดำเนินคดีกับโจทก์ ต่อมาได้ทำสัญญาประณีประนอมยอมความกัน โดยนายมะแข่งยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ๆ ตกลงชำระเงินให้นายมะแข่งจำนวนหนึ่ง เช่นนี้ถือว่าถ้าแม้จำเลยจะมีสิทธิตามพินัยกรรมจริง จำเลยก็ต้องได้รับผลของการดำเนินคดีที่นายมะแข่งได้ทำไป เท่ากับจำเลยยอมให้นายมะแข่งดำเนินการแทน จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้จัดการให้อำเภอโอนที่พิพาทให้จำเลยโดยถูกต้องตามสิทธิในพินัยกรรมมายันโจทก์ไม่ได้ เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินให้นายมะแข่งครบก็ย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทและฟ้องขับไล่จำเลยได้.

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่และห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้าเกี่ยวข้องกับที่ ๓ แปลงอยู่ตำบลทรายขาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ที่ทั้ง ๓ แปลงนี้โจทก์ได้มาโดยโจทก์ฟ้องนางป้าหญ้าเจ้าของที่ทั้ง ๓ นี้ตามคดีแพ่งคำที่ ๒๒/๒๔๙๕ แห่งศาลจังหวัดจันทบุรีเรียกร้องให้นางป้าหญ้าขายที่ให้โจทก์ตามที่มีสัญญาวางมัดจำกันไว้ ซึ่งนางป้าหญ้าได้ต่อสู้คดีว่าโจทก์ผิดนัดชำระราคา ระหว่างคดีนางป้าหญ้าได้ถึงแก่มรณะกรรมลง นายนารถจำเลยในคดีนี้และนายมะแข่งได้ยื่นคำร้องว่านางป้าหญ้าทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ ส่วนนายมะแข่งยื่นคำร้องว่าเป็นบุตรนางป้าหญ้า เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องขอรับมรดกความเข้ามาถึง ๒ ราย ศาลจึงนัดทั้งสองให้มาพร้อมแล้วสั่งว่าศาลเห็นควรจะได้พิจารณาการพิพาทแย่งกันรับมรดกเสียก่อน และเห็นว่านายมะแข่งเป็นบุตรนางป้าหญ้า เป็นทายาทโดยธรรมของนางป้าหญ้าอยู่แล้ว ส่วนจำเลยเป็นคนอื่นมากล่าวอ้างว่านางป้าหญ้าทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ จึงสั่งให้นายนารถจำเลยเป็นฝ่ายเสนอคำฟ้องในข้อพิพาทภายใน ๑๕ พ.+.๒๔๙๕ มิฉะนั้นศาลจะถือว่านายมะแข่งควรเป็นผู้รับมรดกความนางป้าหญ้า แต่นับแต่จำเลยทราบคำสั่งศาลแล้วก็มิได้จัดการดำเนินคดีกับนายมะแข่งตามกำหนด ศาลจึงสั่งในนายมะแข่งดำเนินคดีแทนนางป้าหญ้าต่อไป ในที่สุดแห่งการดำเนินคดีนายมะแข่งกับโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมกัน โดยนายมะแข่งยอมรับเงินจากโจทก์จำนวนหนึ่งและยอมให้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดังกล่าว ซึ่งศาลได้พิพากษาคดีไปแล้วตามสำนวนคดีแดงที่ ๔๔/๒๔๙๖

จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ผิดสัญญาซื้อขายที่พิพาทกับนางป้าหญ้า ๆ ได้บอกเลิกกับโจทก์แล้ว ซึ่งโจทก์ได้มาฟ้องนางป้าหญ้าตามสำนวนคดีแพ่งดำที่ ๖๒/๒๔๙๕ สำนวน + พิพาทจำเลยได้ไปขอรับมรดกตามพินัยกรรมจากอำเภอ และอำเภอโป่งน้ำร้อน + ตามระเบียบแล้วไม่มีผู้ใดคัดค้าน อำเภอจึงได้โอนที่พิพาทให้เป็นของจำเลย ๆ เข้าครอบครองตลอดมา ครั้นเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๔๙๖ โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปรื้อเรือนที่พิพาทและเข้าครอบครองเก็บผลกระวาน จำเลยได้นำเจ้าพนักงานมาจับกุมโจทก์ + ไปสอบสวน โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ จำเลยถือว่านายมะแข่งถูกคัดจากกองมรดกโดยพิเศษจึงไม่มีสิทธิ์จะรับมรดกความ สัญญาประนีประนอมของนายมะแข่งกับโจทก์จึงเป็นโมฆะและการใช้สิทธิของโจทก์ในการดำเนินคดีกับนายมะแข่งต่อมาเป็นไปโดยไม่สุจริต + โจทก์ทราบดีว่านายมะแข่งไม่มีสิทธิ์ ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดีกว่าจ + และตัดฟ้องว่าจำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทมาเกิน ๑ ปี คดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ศาลสั่งให้นายมะแข่งดำเนินคดีแทน + จำเลยก็ทราบคำสั่งนั้น จึงถือเท่ากับจำเลยยอมให้นายมะแข่งดำเนินคดีแทน เมื่อ + ทำยอมยกที่ให้โจทก์โดยโจทก์เสียเงินตอบแทน เช่นนี้ ข้อที่ว่าโจทก์หรือนางป้าหญ้า + จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย และการดำเนินคดีของนายมะแข่งก็เป็นไปโดยสุจริต จำเลยผูกพันตนตามที่นายมะแข่งได้กระทำไป และการที่อำเภอจัดการโอนที่พิพาทให้จำเลย จำเลยได้สิทธิในที่พิพาท และตั้งแต่อำเภอจัดการโอนที่พิพาทให้จำเลยมายังไม่ถึง + จำเลยจะอ้างครอบครองไม่ได้ และที่ตัดฟ้องว่าฟ้องขาดอายุความก็ไม่ขาด เพราะ + ไม่ได้ฟ้องเรียกมรดกแต่ฟ้องในฐานะเป็นเจ้าของที่พิพาท สรุปแล้วจำเลยไม่สิทธิ + จึงพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้นายมะแข่ง + คดีแทนนางป้าหญ้าโดยชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๓ จำเลยมี + คัดค้านคำสั่งประการใด จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะมาโต้แย้า และพฤติการณ์ระหว่าง + กับโจทก์ก็ฟังได้ว่าเป็นไปโดยสุจริต แม้จำเลยจะเป็นผู้ได้รับพินัยกรรมของนางป้าหญ้าก็ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนสิทธิในทรัพย์พิพาทต่อจากนางป้าหญ้า เมื่อจำเลยไม่ + คำสั่งศาล ต้องถือว่านายมะแข่งได้ดำเนินคดีแทนเจ้าของทรัพย์พิพาททั้งสิ้น เมื่อนางมะแข่งดำเนินไปอย่างไรก็ย่อมผูกพันจำเลยด้วย จำเลยต้องได้รับผลของคดี แม้ถ้านางป้าหญ้า + นางป้าหญ้าก็จะได้รับผลดีเช่นกัน การที่อำเภอจัดการโอนที่พิพาทให้จำเลย + จึงไม่มีผลดีไปกว่าผลตามคำพิพากษาได้ จึงพิพากษายืน.

Share