แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 2 งาน เมื่อเดือน 3 ปี 2516 จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 1 งาน ราคา 2,000 บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือนลงในที่ดินเสร็จ แต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จกลับไม่ชำระราคาให้โจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกบ้านเมื่อต้นปี 2514 คดีโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ ตามฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนโดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืนจากจำเลยหรือไม่และค่าเสียหายของโจทก์ ตามประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงจากการสืบพยานของคู่ความเสียก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ ๒ งาน ซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อเดือน ๓ ปี ๒๕๑๖ จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ ๑ งาน ราคา ๒,๐๐๐ บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือนลงในที่ดินเสร็จ แต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จ จำเลยไม่ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ชำระ ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ไม่ขายที่ดินส่วนนี้ให้จำเลย โจทก์เสียหายเพราะจำเลยไม่ออกไปจากที่ดิน ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเรือนและครัวไฟออกไปจากที่ดินโจทก์ ให้จำเลยให้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ ๓๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านเรือนออกไปเสร็จ
จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา ไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของโจทก์หรืออาศัยสิทธิโจทก์เข้าปลูกบ้าน จำเลยปลูกบ้านเมื่อต้นปี ๒๕๑๔ โจทก์ฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนเกินกว่าหนึ่งปี คดีโจทก์ขาดอายุความ
วันนัดพร้อมโจทก์รับว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินโจทก์ครอบครองมาก่อนตกลงขายให้จำเลย การซื้อขายที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยมิได้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงชื่อจำเลยเป็นสำคัญและมิได้มีการวางเงินมัดจำ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่ได้บอกเลิกสัญญาหรือบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไป เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าที่ดินโดยผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์ถือว่าได้บอกเลิกสัญญาซื้อขายโดยปริยาย ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายที่จะวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นซึ่งจะทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง มีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่าหากข้อเท็จจริงเป็นดังคำฟ้องจำเลยย่อมเป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายที่พิพาท และหากโจทก์ประสงค์จะเลิกสัญญาโจทก์ต้องแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญากับจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๖, ๓๘๗ การที่จำเลยไม่ชำระค่าที่พิพาทจะถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยโดยปริยายไม่ได้ สัญญาซื้อขายที่พิพาทยังไม่ระงับ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาไม่ได้ เพราะการซื้อขายที่พิพาทมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นแห่งคดีแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามฟ้องและคำให้การ คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จำเลยปลูกเรือนโดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืนจากจำเลยหรือไม่ และค่าเสียหายของโจทก์ ซึ่งจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงจาการสืบพยานของคู่ความ
พิพากษายืน