แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเจรจาค่าเสียหายกับโจทก์ต่อหน้าพนักงานสอบสวนในการที่ส. ขับรถชนบุตรสาวโจทก์ และพนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกไว้แม้จำเลยจะกล่าวความเท็จ แต่เมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้ต้องหาในกรณีรถชนดังกล่าว พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีหน้าที่ทำการเปรียบเทียบ การที่พนักงานสอบสวนทำการเปรียบเทียบจึงไม่ถือเป็นการกระทำ โดยหน้าที่การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ แก่เจ้าพนักงาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 172
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไปเจรจากับโจทก์เรื่องค่าเสียหายต่อหน้าพนักงานสอบสวนโดยจำเลยอ้างว่ารถที่นายสำเริงขับชนบุตรสาวโจทก์เป็นรถของห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.พัฒนาธุรกิจ ซึ่งจำเลยเป็นผู้จัดการห้าง แต่โจทก์จำเลยตกลงกันไม่ได้ พนักงานสอบสวนจึงทำบันทึกไว้ต่อมาโจทก์ได้ฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.พัฒนาธุรกิจต่อศาลแพ่ง จำเลยให้การว่ารถที่ชนบุตรสาวโจทก์ไม่ใช่ของห้าง ช.พัฒนาธุรกิจ และห้างดังกล่าวเลิกกิจการไปแล้ว โจทก์จึงต้องถอนฟ้องนั้น เมื่อจำเลยมิใช่เป็นผู้ต้องหาในคดีรถชน แม้พนักงานสอบสวนจะทำบันทึกไว้ พนักงานสอบสวนก็ไม่มีหน้าที่ทำการเปรียบเทียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 38(2) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน
พิพากษายืน