แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ตามทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนจับกุมทราบเพียงว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกอีกสองคนจะมาส่งมอบเมทแอมเฟตามีน โดยไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ด้วยก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็ร่วมเดินทางมาในรถยนต์คันเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งมีห่อเมทแอมเฟตามีนวางอยู่ที่เบาะด้านหลังในชั้นจับกุมจำเลยต่างรับสารภาพว่าได้ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเป็นคำรับสารภาพในชั้นต้นทันทีที่ถูกจับ ยังมิได้มีโอกาสคิดปรุงแต่งเรื่องให้ผิดไปจากความจริง คำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 สอดคล้องกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ซึ่งมีรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้องและขั้นตอนของการกระทำผิดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถูกจับ จึงน่าเชื่อว่าเป็นการรับสารภาพตามความเป็นจริงโดยสมัครใจ รับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณา จำเลยที่ 4 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบมาตรา 53 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าเมื่อวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ร้อยตำรวจเอกคมสัน นิมิตร และจ่าสิบตำรวจมนตรี คำปันแปง เจ้าพนักงานตำรวจประจำกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 336 กับพวก ได้ร่วมกันจับกุมจำเลยทั้งสี่พร้อมยึดได้เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 9,800 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงห่อด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลและกระดาษสีขาวคาดด้วยกระดาษกาวสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเบาะหลังภายในรถยนต์เก๋งโตโยต้าหมายเลขทะเบียน ก-5680 เชียงราย ที่จำเลยที่ 1 ขับเข้ามาจอดในบริเวณลานจอดรถหน้าห้างแม็คโคร จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีจำเลยที่ 2 นั่งด้านหน้าคู่กับจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 3 และที่ 4 นั่งอยู่ด้วยกันที่เบาะด้านหลัง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่าแม้ก่อนการจับกุมจำเลยทั้งสี่ ตามทางนำสืบสวนของร้อยตำรวจเอกคมสันพยานโจทก์ที่ทราบจากรายงานของสายลับถึงบุคคลที่จะนำเมทแอมเฟตามีนจากจังหวัดเชียงรายมาส่งมอบแก่ผู้ซื้อที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันเกิดเหตุจะมีแต่เพียงจำเลยที่ 3 และที่ 4 กับพวกอีกสองคนโดยไม่ได้ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ด้วยก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ก็ร่วมเดินทางมายังที่เกิดเหตุอันเป็นที่นัดหมายส่งมอบเมทแอมเฟตามีนแก่ผู้ซื้อด้วยรถยนต์เก๋งคันเดียวกันกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ซึ่งในรถยนต์คันดังกล่าวมีห่อเมทแอมเฟตามีนวางอยู่ทีเบาะด้านหลัง ทั้งในชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ต่างให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันนำเมทแอมเฟตามีนของกลางจากประเทศสหภาพพม่าด้านตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มาส่งมอบแก่ลูกค้าที่จะมารอรับในบริเวณหน้าห้างแม็คโคร จังหวัดเชียงใหม่ ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุม ซึ่งเป็นคำรับสารภาพในชั้นต้นทันทีที่จำเลยที่ 2 กับพวกถูกจับกุมยังมิได้มีโอกาสคิดปรุงแต่งเรื่องให้ผิดไปจากความจริง เพื่อประโยชน์แก่การต่อสู้คดีของตนยิ่งกว่านั้นคำรับสารภาพดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ยังสอดคล้องต้องกันในสาระสำคัญกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ที่ต่างให้การรับสารภาพว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันรับจ้างนำเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจังหวัดเชียงรายมาส่งแก่นายทุนที่หน้าห้างแม็คโคร จังหวัดเชียงใหม่ ตามบันทึกคำให้การ โดยเฉพาะบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 4 มีรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้องและลำดับขั้นตอนของเหตุการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถูกจับกุม คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จึงน่าเชื่อว่าเป็นการรับสารภาพตามความเป็นจริงโดยสมัครใจไม่มีข้อพิรุธหรือน่าสงสัยว่าจะมีการบังคับขู่เข็ญล่อลวง หรือเจ้าพนักงานตำรวจจัดทำขึ้นเองโดยพลการ ดังนั้น แม้เจ้าพนักงานตำรวจจะตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เบาะด้านหลังรถยนต์ที่จำเลยที่ 2 นั่งมา มิใช่ได้จากตัวจำเลยที่ 2 แต่ข้อเท็จจริงก็น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ที่จำเลยที่ 2 กล่าวอ้างว่าไม่เคยรู้จักกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 มาก่อน และเพิ่งพบจำเลยดังกล่าวในวันเกิดเหตุระหว่างทางจะไปหมู่บ้านเอส อาร์ แลนด์ที่บริเวณหน้าตลาดสันทราย โดยจำเลยที่ 1 ได้จอดรถลงไปพูดคุยด้วยแล้ว บอกว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 จะขอโดยสารไปลงที่ห้างแม็คโคร จำเลยที่ 2 ไม่ได้สังเกตว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้นำสิ่งของเข้ามาในรถยนต์ด้วยหรือไม่ นอกจากจะขัดแย้งกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามบันทึกคำให้การที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ต่างอ้างว่า รู้จักกับจำเลยที่ 2 มาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและได้ร่วมนำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากจังหวัดเชียงรายแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ได้อ้างเป็นพยานซึ่งเบิกความเป็นทำนองว่า หลังจากส่งบุตรและภริยาที่โรงเรียนเทคนิคแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้เดินทางไปร้านอาหารริมทางข้างตลาดอำเภอสันทรายที่นัดพบจำเลยที่ 4 ไว้เพื่อเจรจาเรื่องที่ดินและจำเลยที่ 4 ได้พาจำเลยที่ 3 มาพูดคุยด้วย เมื่อเสร็จธุระจำเลยที่ 1 จะกลับไปรับบุตรและภริยาแต่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ขอโดยสารรถยนต์มาด้วยกับจำเลยที่ 1 เพื่อแวะไปหาเพื่อนที่ห้างแม็คโคร ดังนั้น พยานหลักฐานจำเลยที่ 2 จึงไม่มีน้ำหนักฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน