แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าจำเลยเปนทหารประจำการ ศาลทหารบกพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนดโทษ ๓ ปี ๑ เดือน ๑๐ วัน จำเลยต้องรับพระราชอาญาอยู่กองตัดสันดารจังหวัดลพบุรี หลบหนีไปจังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๑ เวลา ๙ นาฬิกาหลังเที่ยง จำเลยกับพวกคนหนึ่งได้สมคบกันกระทำการชิงทรัพย์นายปั่น แลได้ทำร้ายร่างกายนายปั่นมีบาดเจ็บสาหัส เก็บเอาทรัพย์ไปเปนราคาเงิน ๒๒๗ บาท ที่ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี ศาลจังหวัดนครนายกแลศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาต้องกันว่า จำเลยทำผิดกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๐ ตอน ๒ กำหนดโทษให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี แลให้เพิ่มโทษจำเลยตามประมวลอาญาทหารศก ๑๓๐ มาตรา ๕๐ อีกกึ่งหนึ่ง รวมเปนโทษจำคุกจำเลย ๑๕ ปี แลให้จำเลยใช้ทรัพย์ ๒๒๗ บาท ถ้าจำเลยไม่มีใช้ให้จำไถ่อีกวันละ ๑ บาท ตามที่โจทย์ฟ้องหา ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา คัดค้านคำพิพากษาศาลล่างในข้อความเท็จจริง แลจะขอสืบพยานของจำเลยที่จำเลยได้ให้ถ้อยคำไว้ในศาลล่าง ว่าไม่ติดใจสืบพยานนั้นเปนความเข้าใจผิดของจำเลย ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความดังที่กล่าวมาข้างต้น ว่าจำเลยกับพวก ๑ คนเปนผู้ร้ายสมคบกันทำร้ายร่างกายนายปั่นเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส ปรากฎตามคำชันศูจน์มีบาดแผลถึง ๑๔ แห่ง แล้วจำเลยเก็บเอาทรัพย์ของนายปั่นไปรวมเปนราคาเงิน ๒๒๗ บาท ในระหว่างที่จำเลยได้ให้ถ้อยคำในชั้นศาลเดิมว่า จำเลยไม่ติดใจสืบ ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรที่จะให้จำเลยสืบพยานอีกต่อไป ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินถูกต้องแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลล่างนั้น ฯ
วันที่ ๕ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓