แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยพาอาวุธปืนของจำเลยที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ไปในหมู่บ้านโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้พกติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ และ ป.อ.มาตรา 371,376, อาวุธปืนเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิด หรือทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจ หรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376,91, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376,91, 33 ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 1,000 บาท ฐานยิงปืน ปรับ 500 บาทรวม 1,500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ปรับ 750 บาทไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้กระทำผิดฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียน 1 กระบอก ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่เป็นกรณีที่ต้องใช้อาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แล้วใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางยิงขึ้นในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน…มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลมีอำนาจสั่งริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่าอาวุธปืนศาลจะสั่งริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ก็คือบุคคลนั้นได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำผิด แต่กรณีของจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยนำไปใช้เพื่อชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าบุคคลอื่นประการใดนั้น เห็นว่า อาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมาย แม้อาวุธปืนของกลางจำเลยจะมิได้ใช้ทำผิดฐานชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือฆ่าผู้อื่นดังที่จำเลยฎีกาก็ตาม และการที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ และยิงปืนในหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตามฟ้องนั้น ไม่อาจทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่มีไว้ผิดกฎหมายไปด้วยก็ตามแต่ก็คงเป็นวัตถุแห่งการกระทำความผิดหรือเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจหรืออำนาจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ก็แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33(1) ปัญหาว่าควรริบอาวุธและเครื่องกระสุนปืนของกลางหรือไม่ คดีนี้แม้เกิดเหตุในที่ชุมนุมชน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเป็นเขตชุมนุมชนพลุกพล่านหนาแน่นเพียงใด หรือเกิดเหตุในเขตเทศบาลหรือสุขาภิบาลหรือไม่อย่างไร เห็นว่ากรณียังไม่มีเหตุสมควรให้ริบดังนั้น การที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ของกลางไม่ริบและให้คืนแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.