แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้ศาลจังหวัดพิจิตร์แลศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษตัดสินต้องกันว่า จำเลยลอมเอาเพลิงจุดเผาโรงของนายฮวด ผิดกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๘๖ ข้อ ๒ กำหนดโทษให้จำคุกจำเลย ๗ ปี กับให้เพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ ๒ ปี ๔ เดือน รวมเปนโทษจำคุกจำเลย ๙ ปี ๔ เดือน กับให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ ๓๑๓ บาท ๒๐ สตางค์ให้แก่นายฮวดเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่ใช่ให้จำไถ่โทษตามาตรา ๑๘ ตามข้อหาโจทย์ ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านข้อความเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยโกรธเคืองนายฮวดเจ้าทรัพย์เรื่องจำเลยขอบุตร์สาวนายฮวดไม่ให้ แต่จำเลยก็คงไปมาอยู่ที่บ้านนายฮวด นายฮวดนั้นเปนคนตาบอดมองอะไรไม่เห็น ในคืนวันเกิดเหตุตอนหัวค่ำจำเลยมาที่บ้านนายฮวดกับนายสำเภา ๆ ให้นายฮวดนวด ใรระหว่างที่นายฮวดนวดนายสำเภาอยู่ นายฮวดได้พูดเปนเชิงตัดพ้อกันกับจำเลย เรื่องที่จำเลยมาขอบุตร์สาวนายฮวดไม่ให้ จำเลยพูดว่าเรือนนายฮวดนี้ไปจะต้องไหม้หมด ครั้นเมื่อจำเลยกับนายสำเภาไปจากเรือนนายฮวดแล้ว เวลาราวประมาณเที่ยงคืน นายฮวดยังไม่หลับ ได้ยินเสียงจำเลยพูดอยู่นอกโรงว่าหลับกันหมดแล้ว แลมีคนผลักประตูนายฮวดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจำเลยพูดว่าถ้าไม่จุดก็ไม่ใช่คน แลได้ยินเสียงอีกคนหนึ่งพูดว่าคนตาบอดจะตายเสียเปล่า ทันใดนั้นนายฮวดได้ยินเสียงไฟติดปีกนกหลังคาโรงทางใต้ นายฮวดจึงร้องว่าจำเลยจุดโรงช่วยด้วย โจทย์มีนายไหมบ้านใกล้เคียงเบิกความประกอบว่า ได้ยินเสียงนายฮวดร้องบอกกล่าวว่าจำเลยเอาไฟจุด นายไหมได้วิ่งมาห่างโรงนายฮวดสัก ๒๐ วา เห็นจำเลยกับพวกคนหนึ่งวิ่งมาจากโรงนายฮวดสวนกับนายไหมห่างกันประมาณ ๒ ศอก นายไหมจำจำเลยได้แน่นอน แลไฟนั้นกำลังไหม้ติดโรงนายฮวด ๆ ได้เสียหายไปรวมทั้งทรัพย์สิ่งของเปนราคาเงิน ๓๑๓ บาท ๒๐ สตางค์ ได้ความดังนี้ ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเปนผู้ร้ายเอาไฟจุดโรงนายฮวด แลพิพากษาลงโทษแลเพิ่มโทษจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุอันควรที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลล่างได้ ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๕ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓