คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์ฟ้องบังคับจำนองที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระให้โจทก์ภายใน 6 เดือน ศาลจึงพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยผิดสัญญาตามยอม โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยได้ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กล่าวว่าจะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใด ๆ ของจำเลยได้
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตาม วิ.แพ่ง ม.138

ย่อยาว

กรณีเรื่องนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองโดยชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเงิน ๒,๓๔๕,๒๙๕ บาท ๕๒ สตางค์ กับดอกเบี้ย ในที่สุดจำเลยทั้ง ๓ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความใช้เงินให้แก่โจทก์ ๒,๓๔๕,๒๙๕.๕๒ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี โดยจำเลยผลัดชำระใน ๖ เดือน ศาลจังหวัดนครสวรรค์พิพากษาให้เป็นไปตามยอม
ชั้นบังคับคดีโจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยขายทอดตลาดได้เงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท แล้วโจทก์ยื่นคำขอว่าเงินที่ขายได้ยังไม่พอชำระหนี้โจทก์ขอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลย ซึ่งยังไม่ได้ยึดและที่ดินกับโรงเลื่อยจักร เฉพาะส่วนของนางจำรัส จำเลยซึ่งมีกรรมสิทธิร่วมกับผู้อื่น
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ยึดได้เฉพาะทรัพย์จำนองความบัญชีคำร้องของโจทก์อันดับ ๑ เท่านั้น นอกนั้นยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเมื่อบังคับคดีแก่ทรัพย์สินจำนองแล้วยังไม่พอกับหนี้ โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีแก่ทรัพย์อื่นเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาจนครบถ้วนได้
นางจำรัส จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่นางจำรัสฎีกาว่าจำเลยถูกหลอกลวงจากโจทก์โดยมิเป็นธรรมให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจำเลยชอบที่จะยกเป็นเหตุอุทธรณ์คำพิพากษาซึ่งพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมความนั้นได้ตาม วิ.แพ่ง ม.๑๓๘ แต่จำเลยก็มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาและปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษานั้นส่วนหนึ่งแล้ว จำเลยจะยกเอาเหตุที่กล่าวขึ้นอ้างในเวลานี้หาได้ไม่
ส่วนข้อที่ว่าโจทก์จะบังคับคดีเอาจากทรัพย์สินของนางจำรัสได้หรือไม่เห็นว่าเมื่อจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความใช้เงินให้แก่โจทก์ และศาลได้มีคำพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามยอมนั้นแล้ว ทั้งตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็มิได้กล่าวว่าโจทก์จะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้ ฉนั้นโจทก์จึงชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใด ๆ ของจำเลยอันเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share