แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญาคู่ความมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบเพื่อแสดงว่า เอกสารที่อ้างอิงนั้นไม่ถูกต้องตรงกับความจริงได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 122 มิใช่เป็นบทห้ามเด็ดขาดมิให้พนักงานสอบสวนสอบสวนตามหนังสือกล่าวโทษเป็นบัตรสนเท่ห์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รับจ่ายเงินของกรมการทหารช่าง ได้บังอาจเรียกและยอมรับเงินที่จำเลยมิควรได้ตามกฎหมายจากนายทหารรวม 9 คน รวมเป็นเงิน 800 บาทเพื่อจำเลยจะอุปการะเบิกและจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงตามหน้าที่ของจำเลยให้แก่นายทหารเหล่านั้นขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลทหารกรุงเทพและศาลทหารกลางพิพากษาต้องกันว่าจำเลยกระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 137 ที่แก้ไขแล้ว จำคุก 8 เดือน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า
1. โจทก์นำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารต้องห้ามตามวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา 94 ข.
2. โจทก์ดำเนินคดีโดยอาศัยมูลเหตุจากบัตรสนเท่ห์ต้องห้ามตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 122
3. ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาข้อแรกนั้น ในคดีอาญาคู่กรณีมีสิทธินำพยานมาสืบประกอบแสดงข้อเท็จจริงแห่งข้อความในเอกสารนั้นว่าไม่ถูกต้องกับความจริงได้ ฎีกาข้อสองนั้นตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 122 ไม่ได้ห้ามพนักงานสอบสวนเด็ดขาดในการสอบสวนตามหนังสือกล่าวโทษเป็นบัตรสนเท่ห์ ส่วนฎีกาสุดท้ายเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลทหารกรุงเทพและศาลทหารกลางฟังต้องกันมาไม่ต่างกับฟ้องจึงพิพากษายืน