คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ครอบครองยึดถือที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้นถือว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าของที่ดิน เมื่อจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพื่อตน ก็จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินก่อน
ผู้ครอบครองที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินนั้น โดยอ้างว่าภายหลังตนได้ปกครองที่ดินอย่างเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน11 ปีแล้ว แต่ไม่ได้บรรยายในฟ้องว่า ตนได้บอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบถึงการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแล้ว ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยในชั้นเดิมแม่ยายโจทก์ได้ยึดถือครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้แล้วภายหลังแม่ยายตาย โจทก์ได้ครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมา 11 ปีเศษแล้ว

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานวินิจฉัยว่า การครอบครองของโจทก์เป็นเพียงสิทธิทำกินต่างดอกเบี้ย จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ปรากฏอยู่แล้วว่า นางน้อยได้รับมอบที่ดินพิพาทจากนางปุยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมานางน้อยตายโจทก์เป็นผู้รับมรดกหนี้สินรายนี้ และครอบครองที่พิพาทสืบมาเบื้องต้นก็ต้องฟังว่าโจทก์ครอบครองโดยอาศัยสิทธิของนางน้อยซึ่งทำต่างดอกเบี้ย เช่นเดียวกับนางน้อย หากโจทก์ประสงค์จะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของต่อไปแล้ว ก็จะต้องบอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบ แต่เรื่องนี้ไม่ปรากฏเช่นนั้น นอกจากนั้นตามฎีกาของโจทก์เองก็รับว่าไม่ได้บอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบเกี่ยวกับเรื่อการเจตนาครอบครองนี้แต่อย่างใด

ศาลล่างทั้งสองพิพากษาคดีมาชอบแล้ว พิพากษายืน

Share