คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1666/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าที่ดินเป็นของจำเลยจะจำนองโจทก์ ๆ หลงเชื่อจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไป ครั้นต่อมาปรากฎว่าที่ดินมีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของ จำเลยได้หลอกลวงว่าจะขออนุญาตศาลจำนองในคำร้องจำเลยอ้างว่าจะเอาเงินไปซื้อที่ดินใหม่และใช้จ่ายการศึกษาของบุตร แต่จำเลยรับกับเจ้าพนักงานศาลว่าเอาไปใช้หนี้ส่วนตัว ศาลจึงยกคำร้อง โจทก์จึงทราบชัดว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตฉ้อโกงโจทก์ เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ว่าที่ดินมีชื่อบุตรในโฉนด นับจากวันนั้นพ้นสามเดือนโจทก์จึงไปร้องทุกข์ คดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อเดือนมกราคม ๒๔๙๕ จำเลยใช้อุบายหลอกลวงด้วยความเท็จและปกปิดเหตุการณ์ที่ควรแจ้งให้โจทก์ทราบว่า จะขอจำนองที่ดินพร้อมทั้งตึกเป็นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยอ้างว่าที่ดินและตึกเป็นของจำเลยมีชื่อในโฉนด จำเลยขอรับเงินมัดจำล่วงหน้า ๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้ววันรุ่งขึ้นจะพากันไปทำจำนองต่อเจ้าพนักงานที่ดิน โจทก์หลงเชื่อจึงจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไป วันรุ่งขึ้นพากันไปที่เจ้าพนักงานที่ดิน ความจริงจึงปรากฎว่าที่ดินและตึกเป็นของบุตรจำเลยมีชื่อในโฉนด เจ้าพนักงานไม่ยอมทำจำนองให้ จำเลยได้หลอกลวงรับรองต่อโจทก์ว่าจะร้องต่อศาลขอจำนองที่ดินและตึกให้แก่โจทก์ ๆ หลวงเชื่อจึงยอมผ่อนผันเวลาให้ ต่อมาวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๔๙๕ จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเด็กและเยาวชนกลางขอทำการจำนองที่ดินแปลงหนึ่งด้วย โดยอ้างว่าจำเอาเงินซื้อที่ใหม่ให้แก่บุตร และเพื่อการศึกษาของบุตร ครั้นเจ้าพนักงานศาลสอบถามจำเลย ๆ กลับว่าเอาไปใช้หนี้ ส่วนตัวของจำเลย ศาลจึงยกคำร้องเสียเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๔๙๕ โจทก์จึงทราบแน่ชัดว่าจำเลยทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์ จึงร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๔๙๕ แต่เจ้าพนักงานยังไม่จัดการให้ โจทก์จึงฟ้องคดีขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์ความผิดฐานฉ้อโกงเกิดขึ้นเมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่จำเลย ๒๐๐,๐๐๐ บาท ในเดือนมกราคม ๙๕ และถือได้ว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้จักตัวผู้กระทำผิดแล้วในวันรุ่งขึ้นนั้น การผัดของจำเลยว่าจะไปยื่นคำร้องขอจำนองที่ดินแทนบุตรแต่ในที่สุดไม่สามารถจำนองนั้นเป็นเรื่องโจทก์ยินยอมเพื่อมิให้เงินสูญ โจทก์ไปร้องทุกข์วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๔๙๕ จึงขาดอายุความแล้ว พิพากษายืน

Share