คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าจ้างทำของแก่โจทก์ในมูลหนี้ฐานผิดสัญญาจ้างทำของภายในกำหนดอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) อายุความย่อมสะดุดหยุดลงอยู่จนกว่าคดีจะได้วินิจฉัยถึงที่สุดหรือเสร็จไปโดยประการอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (2) แม้โจทก์จะยื่นคำฟ้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าจ้างค้างชำระอีกส่วนหนึ่งเกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องบังคับได้เป็นต้นไป โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าจ้างค้างชำระในการทำป้ายโฆษณาโครงการฮอทไอซ์ของจำเลยซึ่งยังมิได้ระบุเรียกร้องไว้ในคำฟ้องเดิม ทั้งเป็นฟ้องเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้ซึ่งโจทก์มีสิทธิเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 179 ก็ไม่ทำให้คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ส่วนนี้ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 497,400 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ก่อนสืบพยานโจทก์ แต่ภายหลังจากที่จำเลยได้ยื่นคำให้การฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 ต่อสู้คดีแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2541 โดยขอเพิ่มเติมข้อเท็จจริงสนับสนุนคำฟ้องเดิมให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ ต่อมาวันที่ 19 พฤษภาคม 2541 ศาลชั้นต้นได้จดรายงานกระบวนพิจารณาให้โจทก์จัดทำคำฟ้องฉบับใหม่ที่เพิ่มเติมข้อเท็จจริงตามที่ได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องแล้วมาเสนอศาลแทนคำฟ้องฉบับเดิม โดยให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องฉบับใหม่และสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องให้แก่จำเลยใหม่ต่อมาวันที่ 21 พฤษภาคม 2541 โจทก์ได้จัดทำคำฟ้องฉบับใหม่มาเสนอต่อศาลชั้นต้นตามคำสั่งศาลชั้นต้นและได้นำส่งสำเนาคำฟ้องฉบับใหม่และคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องให้แก่จำเลยเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2541 โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยอ้างว่าเป็นการเสนอเพิ่มเติมข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่ใช่เป็นการเพิ่มเติมคำฟ้องเดิมให้สมบูรณ์แต่อย่างใด กรณีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 วรรคสอง (2) ทั้งเป็นการยื่นคำร้องภายหลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงต่อสู้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 503,028.40 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 481,628.40 บาท นับแต่วันที่ 3 เมษายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 21,400 บาท นับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2541) ต้องไม่เกินจำนวน 70,575.88 บาท
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยก่อนเป็นประการแรกว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องตามคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2541 นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฟ้องเดิมของโจทก์เป็นการฟ้องเรียกค่าจ้างทำป้ายโฆษณาและค่าทำการโฆษณาโครงการมหกรรมโคมไฟเฉลิมพระเกียรติที่จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ดำเนินการตามสำเนาสัญญาว่าจ้างโฆษณาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 ซึ่งตรงกับเอกสารหมาย จ.4 โดยตามคำฟ้องเดิมระบุการแบ่งงานออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจำเลยได้ชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์บางส่วนแล้ว ส่วนคำร้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องนั้น โจทก์ได้ขอตัดค่าจ้างงานในส่วนที่สองออกแล้วขอเพิ่มเงินค่าจ้างงานในส่วนที่สามแทนโดยอ้างว่าเป็นค่าจ้างค้างชำระในการทำป้ายโฆษณาโครงการฮอทไอซ์ของจำเลยซึ่งเป็นงานเพิ่มเติมจำนวน 6 ป้าย แล้วนำไปติดตั้งแทนป้ายโฆษณาโครงการมหกรรมโคมไฟเฉลิมพระเกียรติในงานส่วนที่สองที่โจทก์ได้ดำเนินการติดตั้งไว้แล้ว โดยงานส่วนเพิ่มเติมนี้คงคิดเฉพาะค่าจ้างทำป้ายโฆษณาแต่ไม่คิดค่าโฆษณาเพราะยังอยู่ในระยะเวลาของงานในส่วนที่สอง ซึ่งการขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องนี้ได้ระบุแบ่งงานออกเป็นสามส่วนโดยยังคงอ้างสำเนาสัญญาว่าจ้างโฆษณาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 9 เดิมซึ่งตรงกับสัญญาว่าจ้างโฆษณาเอกสารหมาย จ.4 เป็นหลักแห่งข้อหาเช่นเดียวกันและเรียกค่าจ้างที่จำเลยยังคงค้างชำระรวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 602,793.88 บาท เท่าจำนวนทุนทรัพย์ในคำฟ้องเดิม เห็นว่า คำฟ้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมกับคำฟ้องเดิมเป็นการเรียกค่าจ้างโฆษณางานประเภทเดียวกันอันเกิดจากนิติกรรมประเภทเดียวกันและจากสัญญาเดียวกันที่โจทก์กับจำเลยตกลงกันทำขึ้นเป็นหลักแห่งข้อหา การขอแก้ไขคำฟ้องเช่นนี้โจทก์ย่อมจะขอแก้ไขได้แม้เป็นการเพิ่มเติมข้อเท็จจริงหรือสละข้อเท็จจริงเพื่อให้ข้อหาที่ตั้งไว้เดิมบริบูรณ์แต่ยังคงให้จำเลยรับผิดตามเดิม อีกทั้งข้อตกลงอันเป็นสัญญาจ้างทำของเพิ่มเติมเช่นว่านี้กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องให้รับผิดกันได้แต่อย่างใดไม่และโจทก์ยังคงต้องอาศัยสัญญาว่าจ้างโฆษณาเอกสารหมาย จ.4 เป็นหลักแห่งข้อหาเช่นเดิม ฉะนั้นคำฟ้องที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมกับคำฟ้องเดิมจึงเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้ ทั้งข้อเท็จจริงยังได้ความต่อไปอีกว่าเมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องเดิมและสำเนาคำฟ้องฉบับใหม่จากโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสแก่จำเลยเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ โดยจำเลยได้กล่าวแก้ข้อหาของโจทก์ที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่โดยบริบูรณ์แล้วดังปรากฏตามคำให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมฉบับลงวันที่ 17 มิถุนายน 2541 ดังนี้จำเลยจึงไม่เสียเปรียบแต่อย่างใดทั้งสิ้น คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยให้โจทก์ไปจัดเรียงคำฟ้องฉบับใหม่ตามข้อเท็จจริงที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมแล้วนำมาเสนอต่อศาลแทนคำฟ้องเดิมจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 วรรคสอง (2) แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายว่า สิทธิเรียกร้องเอาเงินค่าจ้างทำของ (ค่าทำแผ่นป้ายโฆษณาโครงการฮอทไอซ์) ของโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า นับตั้งแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้ตามใบแจ้งหนี้ซึ่งระบุว่าหนี้ถึงกำหนดชำระในวันที่ 9 มีนาคม 2539 และ 16 มีนาคม 2539 จนถึงวันที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องใหม่ในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิค่าว่าจ้างโฆษณาโครงการฮอทไอซ์เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2541 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตล่วงเลยระยะเวลา 2 ปี แล้ว คดีของโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า เดิมโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าจ้างทำของแก่โจทก์ในมูลหนี้ฐานผิดสัญญาจ้างทำของภายในกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) แล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่จนกว่าคดีจะได้วินิจฉัยถึงที่สุดหรือเสร็จไปโดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (2) แม้โจทก์จะยื่นคำฟ้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าจ้างค้างชำระอีกส่วนหนึ่งเกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องบังคับได้เป็นต้นไปโดยอ้างว่าเป็นเงินค่าจ้างชำระในการทำป้ายโฆษณาโครงการฮอทไอซ์ของจำเลยซึ่งยังมิได้ระบุเรียกร้องไว้ในคำฟ้องเดิม ทั้งเป็นฟ้องเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันได้ซึ่งโจทก์มีสิทธิเสนอคำฟ้องเพิ่มเติมดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ดังที่ได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว ก็หาทำให้คำฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ในส่วนนี้ขาดอายุความไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์มานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share