แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำการเป็นนายหน้าของจำเลย ตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งออกตามความในมาตรา15(8) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับนั้นแล้ว จึงผูกพันจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์ บังคับระหว่างกันได้ หาใช่กรณีการซื้อหุ้น ขายหุ้น กันโดยตรงอันจะต้องปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129หรือ ในเรื่องการซื้อขายธรรมดา ตามมาตรา 453 ไม่.(ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยให้การว่าโจทก์รับตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องไว้ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แต่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบและฝ่าฝืนกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘ในชั้นฎีกามีประเด็นเฉพาะเรื่องจำเลยจะต้องรับผิดชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์หรือไม่เพียงใดในประเด็นดังกล่าวจำเลยซึ่งนำสืบก่อนนำสืบว่า การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องผ่านสมาชิก โจทก์เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลังและตลาดหลักทรัพย์ ตามเอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 จำเลยตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหุ้นชนิดระบุชื่อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาชิกจะกระทำแทนโดยมีการทำตราสารโอนหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์วางระเบียบไว้ในเอกสารหมาย ล.3 ข้อ 4 และจะทราบได้ว่าการซื้อขายหุ้นรายการใดโดยดูจากเลขที่ใบหุ้นในใบส่งมอบหลักทรัพย์ตามเอกสารหมาย ล.3 ข้อ 5 จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วเงิน 10 ฉบับที่โจทก์ฟ้องให้โจทก์ เป็นค่าซื้อหุ้น 10 รายการตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย ล.1 จำเลยได้ขอดูใบหุ้น โจทก์ว่ายังให้ดูไม่ได้ จำเลยเชื่อว่าหุ้นตามที่จำเลยสั่งซื้อตามเอกสารหมาย ล.1 มีอยู่ที่โจทก์ จำเลยยังไม่เคยสั่งขายหุ้นดังกล่าว ถ้าโจทก์ซื้อหุ้นตามเอกสารหมาย ล.1 จริงแล้ว จะต้องมีคำสั่งซื้อและสัญญาซื้อขายตามแบบของตลาดหลักทรัพย์ตามเอกสารหมาย ล.7 ซึ่งจะยังไม่ได้ใบหุ้นและไม่มีการชำระเงินในวันซื้อขาย แต่จะได้มาภายใน 5 วัน และโจทก์จะมีหลักฐานใบส่งมอบหลักทรัพย์และชำระราคา มีหมายเลขหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นที่มีการซื้อขาย เมื่อได้ใบหุ้นแล้ว โจทก์จะเก็บใบหุ้นและใบส่งมอบไว้แทนจำเลยเป็นการยึดไว้เป็นประกันหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระ ถ้าจำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์ย่อมมีสิทธินำใบหุ้นบังคับจำนำโดยวิธีขายในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อโจทก์ได้เงิน ก็ต้องนำมาตัดบัญชีกับตั๋วเงินที่ออกให้ ในคดีนี้ไม่มีการตัดบัญชีดังนั้นใบหุ้นจึงต้องอยู่ที่โจทก์ แต่โจทก์ไม่มีใบหุ้น แสดงว่าโจทก์ได้ขายหุ้นไปแล้ว แต่ไม่นำเงินที่ได้มาหักบัญชีกันอันเป็นการผิดระเบียบตามเอกสารหมาย ล.3โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องต่อมาจำเลยทราบว่าโจทก์เป็นสมาชิกประเภทโอนลอย เอาหุ้นออกไปขายโดยไม่ได้ตัดบัญชี และลูกค้าไม่ได้สั่งขาย จึงมอบให้ทนายความบอกล้างนิติกรรมและยกเลิกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง10 ฉบับ ตามเอกสารหมาย ล.5 และ ล.6
โจทก์นำสืบว่า โจทก์ประกอบธุรกิจเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์โจทก์ได้ปฏิบัติตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์มาโดยตลอด จำเลยเป็นลูกค้าโดยมอบให้โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อแสวงหากำไรโดยวางเงินมาร์จินหรือเงินมัดจำเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ตามเอกสารหมาย จ.1, 2, 3, 4, 5,7, 8, 9 และ 10 พร้อมทำบันทึกไว้ตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์เมื่อจำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ โจทก์ก็จะซื้อให้พร้อมชำระเงินทดรองเต็มมูลค่าให้สมาชิกผู้ขาย จำเลยต้องชำระเงินให้โจทก์ภายใน 4 วัน นับแต่วันซื้อพร้อมค่านายหน้าหากไม่ชำระต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์หากจำเลยสั่งขายหลักทรัพย์ที่โจทก์ซื้อให้ ก็จะมีการคิดบัญชีระหว่างกันหากมีกำไร จำเลยจะได้รับกำไรไป หากขาดทุนก็ต้องชำระเงินให้โจทก์หากไม่ชำระ โจทก์มีสิทธินำตั๋วสัญญาใช้เงินและเงินปันผลต่าง ๆ ที่จำเลยมีสิทธิได้รับมาหักชำระหนี้วิธีการซื้อขายหุ้นจะเริ่มโดยจำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหุ้นของผู้ใดในราคาเท่าใด เมื่อซื้อได้แล้ว โจทก์จะแจ้งให้จำเลยทราบ การซื้อขายระหว่างสมาชิกผู้ซื้อและผู้ขายจะใช้สัญญาแบบพิมพ์ของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งไม่มีเลขที่หุ้นใบหุ้น ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.7 โจทก์จะรับตราสารโอนหุ้นและใบหุ้นจากสมาชิกผู้ขายใน 5 วันทำการ พร้อมทั้งชำระราคา ถ้าผู้ขายส่งมอบเอกสารดังกล่าวไม่ได้ ก็อาจนำหุ้นของบริษัทเดียวกันในราคาเดียวกันส่งมอบแทนได้ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ข้อ 31 โจทก์จะนำหุ้นที่ซื้อตามคำสั่งของลูกค้าไปบันทึกในทะเบียนว่าวันใดลูกค้ารายใดซื้อหุ้นของผู้ใดได้บ้าง เมื่อโจทก์ได้ใบหุ้นมา ก็จะเก็บรักษาใบหุ้นนั้นไว้ จะมอบให้แก่ลูกค้าก็ต่อเมื่อได้รับชำระราคาครบถ้วน คดีนี้โจทก์ได้บันทึกไว้ในเอกสารหมาย ล.8 จำเลยสั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ตามเอกสารหมาย จ.34 หุ้นที่จำเลยสั่งซื้อราคาตกต่ำ จำเลยจึงมิได้สั่งให้ขายและเมื่อครบ 5 วันแล้ว จำเลยก็มิได้ชำระราคา แต่ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องเอกสารหมาย จ.14 ถึง จ.23 ให้โจทก์ในวันที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน โจทก์ให้จำเลยตรวจสอบหลักฐานการซื้อขายหุ้นแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งว่าวิธีการไม่ถูกต้องแต่อย่างใด
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ซื้อหุ้นให้จำเลยดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้นั้น เห็นว่า แม้ประเด็นแห่งคดีที่ว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์หรือไม่เพียงใดนั้นอาจจะครอบคลุมปัญหาที่ว่าโจทก์ได้ซื้อหุ้นให้จำเลยหรือไม่อยู่ด้วยก็ตาม แต่จำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การมาแต่ต้น ปัญหานี้จึงมิได้เป็นข้อพิพาทกันตามคำคู่ความ ดังนั้น จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้แม้ว่าศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยไว้ก็เป็นเรื่องนอกเหนือคำให้การ ข้อต่อสู้ของจำเลยในประเด็นนี้คงมีปัญหาเพียงเท่าที่ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การที่ว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในการซื้อหุ้นให้จำเลยให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ดังที่จำเลยอ้างเท่านั้น จำเลยนำสืบรับว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วเงินตามฟ้อง เป็นค่าซื้อหุ้น 10 รายการ ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1ซึ่งโจทก์นำสืบว่าหุ้นดังกล่าวโจทก์ได้ซื้อให้ตามที่จำเลยสั่ง ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.35 และที่บันทึกไว้ในเอกสารหมายล.8 ซึ่งจำเลยก็มิได้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด ข้อที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ให้ใบหุ้นแก่จำเลยนั้น โจทก์ได้นำสืบว่า กรณีเช่นนี้จะมอบให้แก่ลูกค้าก็ต่อเมื่อได้รับชำระราคาครบถ้วน จำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใดเช่นกัน ฟังได้ดังกล่าวดังนั้น ตราบใดที่จำเลยมิได้ชำระค่าหุ้นครบถ้วนถูกต้อง โจทก์ก็ไม่จำต้องโอนใบหุ้นให้จำเลย การที่โจทก์ยังไม่โอนใบหุ้นให้จำเลยจึงเป็นเพราะความผิดของจำเลยเอง และไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในการซื้อหุ้นให้จำเลยให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบแบบแผน ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังที่จำเลยต่อสู้ไว้
ส่วนที่จำเลยอ้างว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสองก็ดี มิถือว่าเป็นการซื้อขายตามมาตรา 453 ก็ดี รวมทั้งมาตราอื่น ๆ ที่อ้างมาในฎีกานั้น เห็นว่าโจทก์ทำการเป็นนายหน้าของจำเลยตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งออกตามความในมาตรา 15 (8) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับนั้นแล้ว จึงผูกพันจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์เป็นเรื่องที่บังคับกันได้ หาใช่กรณีการซื้อหุ้นขายหุ้นกันโดยตรงอันจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 หรือในเรื่องการซื้อขายธรรมดาตามมาตรา 453 ไม่ โดยเฉพาะในคดีนี้ขั้นตอนล่วงเลยไปถึงำจเลยยอมชำระราคาค่าหุ้นที่ซื้อโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องทั้ง 10 ฉบับ เอกสารหมาย จ.14 ถึง จ.23ให้โจทก์ไว้แล้ว ซึ่งโจทก์นำสืบฟังได้ว่า ในวันที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว ได้ให้จำเลยตรวจสอบหลักฐานการซื้อขายหุ้นแล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งว่าวิธีการซื้อหุ้นไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้อง คำพิพากษาฎีกาที่ 2801/2527 ซึ่งจำเลยอ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงไม่เหมือนกับคดีนี้ จึงจะนำมาเปรียบเทียบกันหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 10,000 บาท แทนโจทก์.