แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเอายาพิษให้ผู้ตาย 4 คนซึ่งเป็นบุตรของจำเลยกินแล้วยังใช้ไม้ตีและเอาเชือกรัดคอผู้ตาย ก็ด้วยเจตนาจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเร็ว ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมาน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 (4) (5)
จำเลยให้การว่า ฆ่าบุตรของจำเลยจริง แต่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และมิได้กระทำโดยทารุณโหดร้าย
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางกอบกาญจน์ แซ่ลิ้ม มารดาผู้ตายเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289 (4) ประกอบมาตรา 65 วรรคสอง ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า จำเลยเอายาพิษให้ผู้ตายกินแล้วยังใช้ไม้ตีเอาเชือกรัดคอผู้ตายก็ด้วยเจตนาจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเร็ว ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานดังที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยใช้ไม้ตีจนผู้ตายแน่นิ่งไป เมื่อแน่ใจว่าบุตรชายทั้งสี่ถึงแก่ความตายหมดแล้วก็ยกร่างของบุตรทั้งสี่มานอนเรียงกันอยู่บนเตียงนอนและจำเลยก็เบิกความว่าจำเลยรักบุตรทั้งสี่มาก อยากให้เป็นคนดี จึงเชื่อได้ว่าจำเลยคงไม่มีเจตนาให้ผู้ตายได้รับความทุกข์ทรมาน แม้จำเลยจะใช้ไม้ตีผู้ตายหลายครั้งก็ด้วยเจตนาให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเร็วจึงไม่ถือว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้าย
พิพากษายืน.