คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำเบิกความของพนักงานสอบสวนอาจรับฟังประกอบได้แต่เพียงว่าพนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนได้ความอย่างไร แต่ความจริงจะเป็นอย่างที่สืบสวนสอบสวนได้ความหรือไม่ โจทก์ต้องมีพยานมาเบิกความยืนยันต่อศาล.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ใช้จ้างวานจำเลยที่ 1 กับพวกให้ฆ่านายภิรมย์หรือตี๋ บุญเจริญ ต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงเป็นเหตุให้นายภิรมย์หรือตี๋ บุญเจริญ ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 289 (4)
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4), 84, 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบกับมาตรา 52 (2) ให้ลงโทษจำคุกคนละ 50 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าในวันเวลาเกิดเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตายปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดตามฟ้องโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดโดยการใช้จ้างวานให้จำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายและจำเลยที่ 1 ได้ฆ่าผู้ตายหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ใช้จ้างวานให้จำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย และจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโจทก์คงมีพันตำรวจตรีวิทยาซึ่งเป็นผู้สืบสวนสอบสวนคดีนี้เป็นพยานเบิกความตามข้อนำสืบของโจทก์ว่า หลังจากเกิดเหตุมีสายลับมาแจ้งต่อร้อยตำรวจตรีประยูร เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอวัฒนานครว่าจำเลยที่ 1 กับนายเดือนเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย โดยใช้รถจักรยานยนต์ของนายหัดซึ่งอยู่ที่บ้านห้วยเดื่อเป็นยานพาหนะในการกระทำผิด และจากการสอบสวนนายหัดให้การต่อพันตำรวจตรีวิทยาว่านายเดือนกับจำเลยที่ 1 ได้ขอยืมรถจักรยานยนต์คันนี้จากนายหัดไป เมื่อนำมาคืนแล้วได้บอกนายหัดว่าได้ขับรถคันดังกล่าวไปทำการฆ่าผู้ตาย พันตำรวจตรีวิทยาได้ติดตามจับจำเลยที่ 1 มาดำเนินคดี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนว่าได้ร่วมกับนายเดือนฆ่าผู้ตายโดยมีผู้ว่าจ้าง และได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 5,000 บาท พันตำรวจตรีวิทยาได้เรียกนายหัดมาสอบสวนเพิ่มเติม ได้ความว่านายเดือนเคยบอกนายหัดว่าได้ติดต่อให้นางอรุณ มุ่งบังไปรับค่าจ้างจากจำเลยที่ 2 พันตำรวจตรีวิทยาได้จับกุมนางอรุณมาสอบสวน ได้ความว่านายเดือนเคยใช้ให้นางอรุณไปเอาเงินจำนวน 5,000 บาท จากจำเลยที่ 2 ที่บ้านและได้รับเงินที่จำเลยที่ 2 ฝากไว้จากนางอรุณมารดาจำเลยที่ 2 ไปให้นายเดือนซึ่งจากการสอบสวนนางอรุณมารดาจำเลยที่ 2 ก็ได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้ฝากเงินดังกล่าวไว้ พันตำรวจตรีวิทยาจึงจับจำเลยที่ 2 มาดำเนินคดีจำเลยที่ 2ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวน ศาลฎีกาเห็นว่าคำเบิกความของพันตำรวจตรีวิทยาอาจรับฟังประกอบได้ก็แต่เพียงว่าพันตำรวจตรีวิทยาสืบสวนสอบสวนได้ความตามที่โจทก์นำสืบอย่างไรแต่ความจริงจะเป็นอย่างที่สืบสวนสอบสวนได้ความหรือไม่โจทก์ต้องมีพยานมาเบิกความยืนยันต่อศาลเกี่ยวกับเรื่องนี้โจทก์คงมีนายหัด บุตรดี มาเบิกความเป็นพยานว่านายหัดเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนก.2869 ปราจีนบุรีก่อนที่รถคันนี้จะถูกยึด นายเดือนได้ยืมรถคันดังกล่าวไปซื้อของและนำมาคืนในวันเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ได้ความจากนายหัดว่าจำเลยที่ 1 กับพวกได้ขอยืมรถจักรยานยนต์ของนายหัดไปเพื่อกระทำความผิดแต่อย่างใดด้วย ข้อที่พันตำรวจตรีวิทยาสืบสวนสอบสวนมาจึงยังรับฟังเป็นจริงไม่ได้ แม้ในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่คำรับดังกล่าวเป็นเพียงคำบอกเล่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้องที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.

Share