แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรม จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิด ก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่ จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลย จำเลยให้โจทก์นำรถยนต์ซึ่งมีร่มชนิดต่าง ๆ อยู่ในรถไปจอดไว้ในบริเวณโรงแรมของจำเลยซึ่งจำเลยรับภาระดูแลทรัพย์สินดังกล่าวให้โจทก์ในระหว่างที่พักอยู่ใน โรงแรม ต่อมารถคันดังกล่าวถูกงัดและทรัพย์ในรถหายไปรวมราคา ๓๐,๓๔๐ บาท จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องทรัพย์สินที่สูญหายไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย ทั้งรถมิได้จอดอยู่ในบริเวณโรงแรมของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๓๐,๓๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์ระบุข้อหาละเมิด แต่กลับบรรยายฟ้องเกี่ยวโยงไปถึงเจ้าสำนักโรงแรม และโจทก์มิได้บรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับนายราเชน วงศ์ปรานี ซึ่งเป็นผู้เข้าพักในโรงแรมเห็นว่าฟ้องโจทก์มีใจความว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลย ได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรมของจำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ในระหว่างที่พักอยู่ในโรงแรมของจำเลย ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มชนิดต่าง ๆในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหายเป็นเงิน ๓๐,๓๔๐ บาท โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบและได้ทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสองแม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิด ก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยนั้นก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่จำร้องบรรยาย มาในคำฟ้องดังนั้นฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน