แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ยอดเงินตามโพยมิใช่องค์ประกอบความผิดฐานจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบที่ต้องกล่าวมาในฟ้อง แต่เป็นรายละเอียดที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ เมื่อระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2540 เวลากลางวันถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2541 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก อันเป็นการเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันซึ่งระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 3 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นอันนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และร่วมเล่นการพนันกับพวกที่หลบหนี และเมื่อระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2541 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2541เวลากลางวันต่อเนื่องกัน วันและเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ อันเป็นการเล่นซึ่งระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัว ของรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 และวันที่ 16 ระหว่างวันที่ 16มกราคม 2541 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2541 งวดใดไม่ปรากฏชัดเป็นเลขถูกรางวัลสลากกินรวบ โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นอันนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 9, 10, 12 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 9, 10, 12(1) (ที่ถูกมาตรา 12(1)และ (2) ลงโทษจำคุก 6 เดือน ระหว่างพิจารณาจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยในประเด็นว่า คำฟ้องข้อหาเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลกไม่มีระบุในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 และไม่มีบทลงโทษส่วนข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบก็มิได้ระบุองค์ประกอบของการเล่นและยอดเงินที่เล่น จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่า สำหรับข้อหาเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นทายผลฟุตบอลโลก อันเป็นการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันซึ่งได้ระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 3 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน นำมาซึ่งผลประโยชน์ของตนและร่วมเล่นกับพวกที่หลบหนีอยู่ ส่วนข้อหาเล่นการพนันสลากกินรวบโจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบอันนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และร่วมกันเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานอันเป็นการเล่นซึ่งระบุไว้ในบัญชี ข.หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยถือเอาเลขท้าย 3 ตัว ของเลขรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 และ 16 ระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2541ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2541 เป็นเลขถูกรางวัลสลากกินรวบ ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี อีกทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพ ย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามคำฟ้องแล้ว ส่วนยอดเงินตามโพยมิใช่องค์ประกอบความผิดแต่เป็นรายละเอียดที่โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องทั้งสองข้อหาจึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น….
อนึ่ง โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิด2 กรรมต่างกัน จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวซึ่งไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์และฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็เห็นสมควรปรับบทลงโทษเสียให้ถูกต้องโดยไม่แก้ไขโทษ”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 9, 10 และ 12 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6