คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากัน วันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานถึงบ้านไม่พบผู้ตาย จึงตามไปพบผู้ตายที่แพของ อ. จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับจะทำไม จำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุง ปล่อยให้ลูกหุงกินเอง ผู้ตายจึงว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มัน จำเลยจึงตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็ไปหยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลย จำเลยจึงหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ถูกผู้ตายล้มลงไป มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาไปส่งโรงพยาบาล ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์คือศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว 13 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้น เพราะเลือดคั่งในสมอง ลักษณะบาดแผลที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลยไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้ แต่ก็ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้เขียงเป็นอาวุธทุบตีประทุษร้ายนางจิตรประสงค์ ถูกที่บริเวณศีระษะ จนกะโหลกศีรษะแตก มีโลหิตตกในสมอง โดยเจตนาฆ่า นางจิตรประสงค์ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยทำในเวลาต่อมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายโดยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐ จำคุก ๓ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับนางจิตรประสงค์ผู้ตายเป็นสามีภรรยากัน ตอนเย็นวันเกิดเหตุจำเลยกลับจากทำงานไม่พบผู้ตาย เวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา จำเลยมาตามผู้ตายที่แพนางอำพร จำเลยถามผู้ตายว่าทำไมถึงไม่กลับบ้าน ผู้ตายว่าไม่กลับแล้วจะทำไม จำเลยว่าข้าวปลาทำไมไม่หุงให้ลูกหุงกินเอง ผู้ตายว่าหุงกินเองไม่เป็นก็ช่างแม่มัน จำเลยตบหน้าผู้ตายตกจากเก้าอี้ล้มลงไปที่พื้น ผู้ตายลุกขึ้นได้ก็ไปหยิบมีดวิ่งเข้าหาจำเลย จำเลยร้องว่ามึงจะฆ่ากูหรือนี่ พร้อมกับหยิบเขียงบนโต๊ะเหวี่ยงไปที่ผู้ตาย ผู้ตายล้มลง มีเลือดออกที่ศีรษะ จำเลยเข้าประคองผู้ตายและพาผู้ตายส่งโรงพยาบาล ผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยแตก เป็นแผลยาว ๑๓ เซนติเมตร กว้าง ๒ เซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนนั้นเพราะเลือดตกคั่งในสมอง และวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวหรือไม่นั้นว่าเป็นเรื่องที่จำเลยกับผู้ตายซึ่งเป็นสามีภรรยาสมัครใจทะเลาะวิวาทกัน จำเลยจึงไม่อาจยกข้ออ้างเรื่องป้องกันตัวขึ้นต่อสู้ได้ แม้ว่าลักษณะที่จำเลยเหวี่ยงเขียงไปที่ผู้ตายในขณะที่ผู้ตายถือมีดวิ่งเข้าหาจำเลย ไม่น่าจะทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ที่ท้ายทอยของผู้ตาย บาดแผลที่ท้ายทอยของผู้ตายอาจจะเกิดจากการที่ผู้ตายหงายหลังล้มลงไปก็ได้ แต่ได้ความว่าเหตุที่ผู้ตายล้มลงไปก็เพราะจำเลยเหลี่ยงเขียงไปที่ผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share