คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายโจทก์อ้างว่า ทนายโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้เดินทางกลับจากการทำธุรกิจที่จังหวัดเชียงใหม่เสียกะทันหันและอยู่ไกลร้านซ่อมรถไม่สามารถซ่อมรถได้ทันทนายโจทก์จึงไปที่ศาลจังหวัดฝาง เมื่อเวลาประมาณ 14 นาฬิกา เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนั้นได้โดยเหตุสุดวิสัย โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดฝางในขณะนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 และเป็นอำนาจของศาลจังหวัดฝางที่จะต้องพิจารณาสั่งคำร้องของทนายโจทก์ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามคำร้อง
ศาลจังหวัดฝางมีคำสั่งในคำร้องของทนายโจทก์ว่าจัดการให้ แม้จะไม่ชัดแจ้งว่าอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแต่ต้องถือเป็นคำสั่งที่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปได้โดยปริยายถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีก่อนลงมือสืบพยานและศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ดังนั้นที่โจทก์ไม่ไปศาลชั้นต้นในวันสืบพยานจึงมิอาจถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีก่อนทราบคำสั่งของศาลจังหวัดฝางดังกล่าว จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลงต้องถือว่ามีกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในศาลชั้นต้นที่ต้องสั่งเพิกถอนแล้ว เมื่อศาลจังหวัดฝางส่งคำร้องของทนายโจทก์และคำสั่งให้ศาลชั้นต้นทราบทางโทรสารศาลชั้นต้นจึงชอบที่สั่งเพิกถอนคำสั่งที่ผิดหลงนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้พร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นงดชี้สองสถานและนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2543 เวลา 13.30 นาฬิกา ในวันนัด โจทก์และจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา โดยมิได้ยื่นคำร้องขอให้เลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลให้ทราบถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณา ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ

โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ในวันนัดสืบพยานโจทก์มีนางสาววัชรา ทรงอาวุธ พยานโจทก์มาศาล ส่วนทนายความโจทก์ไม่ได้มาเพราะไม่สามารถมาศาลได้ทัน เนื่องจากก่อนวันนัดทนายความโจทก์นำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปทำธุรกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ และในวันนัดเวลาประมาณ 6.30 นาฬิกา ได้เดินทางจากอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมาศาลชั้นต้นตามนัด เมื่อมาถึงอำเภอแม่อาย รถยนต์เกิดเครื่องยนต์เสีย โดยกะทันหันไม่สามารถซ่อมได้และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ไร้สายเพราะไม่มีสัญญาณ ทนายความโจทก์จึงขออาศัยรถยนต์บุคคลอื่นไปที่อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาช่างซ่อมเครื่องยนต์แต่หาไม่ได้และเมื่อเวลาประมาณ 13 นาฬิกา ทนายความโจทก์ได้โทรศัพท์มาที่ศาลชั้นต้นเพื่อจะแจ้งเหตุว่ามาศาลไม่ได้และจะขอเลื่อนคดี แต่โทรศัพท์ได้เพียงครั้งเดียวแล้วโทรศัพท์ของทนายความโจทก์ซึ่งเป็นโทรศัพท์ไร้สายเกิดขัดข้องโทรออกไม่ได้และรับสัญญาณเข้าไม่ได้ทนายความโจทก์จึงไปที่ศาลจังหวัดฝางถึงเวลาประมาณ 14 นาฬิกา และยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีนี้ต่อศาลจังหวัดฝางเพื่อให้ส่งทางโทรสารมาที่ศาลชั้นต้น ดังรายละเอียดตามคำร้อง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่สั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ และมีคำสั่งนัดพิจารณาคดีของโจทก์ต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตรวจสำนวนแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีกระบวนพิจารณาใดที่ผิดระเบียบที่จะต้องเพิกถอน จึงให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า มีกระบวนพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบในศาลชั้นต้นที่ต้องสั่งเพิกถอนหรือไม่ ในปัญหานี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 18กุมภาพันธ์ 2543 เวลา 13.30 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดคู่ความทั้งสองฝ่ายซึ่งทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาและมีคำสั่งในเวลา 15 นาฬิกาถือว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความต่อมาเวลา 16 นาฬิกาวันเดียวกัน เจ้าพนักงานศาลเสนอรายงานต่อศาลชั้นต้นว่า ศาลจังหวัดฝางส่งคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ มาทางโทรสารเมื่อเวลา 15.45นาฬิกา ปรากฏตามคำร้องของทนายความโจทก์ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2543ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานของเจ้าพนักงานศาลดังกล่าวว่า ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีไปก่อนแล้ว จึงให้ยกคำร้องขอให้เลื่อนคดีของทนายความโจทก์พิเคราะห์แล้วตามคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายความโจทก์ดังกล่าว อ้างว่า ทนายความโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้เดินทางกลับจากการทำธุรกิจที่จังหวัดเชียงใหม่เสียกะทันหันและอยู่ไกลร้านซ่อมรถ ไม่สามารถซ่อมรถได้ทันทนายความโจทก์จึงไปที่ศาลจังหวัดฝาง เมื่อเวลาประมาณ 14 นาฬิกา เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยขอเลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 4 เมษายน 2543 กรณีตามคำร้องจึงเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นที่มีเขตศาลเหนือคดีนั้นได้ โดยเหตุสุดวิสัย โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดฝางในขณะนั้นตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 และในความตอนท้ายของมาตรา 10 นี้บัญญัติให้ศาลชั้นต้นที่รับคำร้องนั้นมีอำนาจทำคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงเป็นอำนาจของศาลจังหวัดฝาง ที่จะต้องพิจารณาสั่งคำร้องของทนายความโจทก์ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามคำร้อง และปรากฏว่าศาลจังหวัดฝางมีคำสั่งในคำร้องของทนายความโจทก์ดังกล่าวว่าจัดการให้ ดังนี้ เห็นว่า แม้คำสั่งของศาลจังหวัดฝางจะไม่ชัดแจ้งว่าอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีตามคำร้องของทนายความโจทก์ แต่คำสั่งที่ว่า จัดการให้ก็ย่อมมีความหมายเป็นการจัดการให้ตามคำร้อง กล่าวคือ ต้องถือเป็นคำสั่งที่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปได้ตามคำร้องโดยปริยาย ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอเลื่อนคดีก่อนลงมือสืบพยานและศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ดังนั้นที่โจทก์ไม่ไปศาลชั้นต้นในวันสืบพยานจึงย่อมมิอาจถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีก่อนทราบคำสั่งของศาลจังหวัดฝางดังกล่าว จึงเป็นการสั่งไปโดยผิดหลงข้อเท็จจริงต้องถือว่ามีกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในศาลชั้นต้นที่ต้องสั่งเพิกถอนแล้ว เมื่อศาลจังหวัดฝางส่งคำร้องของทนายความโจทก์และคำสั่งให้ศาลชั้นต้นทราบทางโทรสาร ศาลชั้นต้นจึงสมควรสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ผิดหลงนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบของโจทก์และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มีคำพิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ให้ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามรูปคดี

Share