คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16426/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ประกันทั้งสองร่วมกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันทั้งสองผิดสัญญาประกันหลักทรัพย์ของผู้ประกันทั้งสองรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนเพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญา มิได้แยกให้ผู้ประกันทั้งสองแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้น ทั้งสัญญาประกันดังกล่าวก็ระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญา ดังนี้ ผู้ประกันที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญากับผู้ประกันที่ 2 อย่างลูกหนี้ร่วม เมื่อผู้ประกันทั้งสองยังชำระเบี้ยปรับไม่ครบถ้วน ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลจังหวัดจันทบุรีในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119 วรรคสอง ก็มีอำนาจอายัดทรัพย์ของผู้ประกันที่ 1 เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาให้ครบถ้วนได้ ข้อสัญญาที่ให้อำนาจศาลในการบังคับตามสัญญาประกัน จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด
แม้มีการแก้ไข ป.วิ.อ. มาตรา 119 วรรคสอง ให้ถือเสมือนว่าผู้ประกันที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ก็เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ในการบังคับคดีดังที่บัญญัติไว้ในตอนต้นของมาตราดังกล่าวเท่านั้น มิได้ทำให้ความรับผิดของผู้ประกันที่ 1 ตามสัญญาประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมหมดสิ้นไปแต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ระหว่างพิจารณาผู้ประกันทั้งสองร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวศาลชั้นต้นอนุญาตโดยตีราคาประกัน 300,000 บาท ผู้ประกันทั้งสองผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลตามนัด ศาลชั้นต้นจึงสั่งปรับผู้ประกันทั้งสองตามสัญญาประกันและออกหมายจับจำเลย ต่อมาจำเลยถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ผู้ประกันทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ผู้ประกันทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลดค่าปรับ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ผู้ประกันที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาของผู้ประกันที่ 1
ผู้ประกันที่ 1 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีที่แจ้งอายัดสิทธิเรียกร้องตามหนังสือลงวันที่ 15 มิถุนายน2552 และงดการบังคับคดีของผู้ประกันที่ 1
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ประกันที่ 1 อุทธรณ์พร้อมยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ประกันที่ 1 ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา223 ทวิ ประกอบมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลชั้นต้นยกคำร้อง และมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของผู้ประกันที่ 1
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ประกันที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ประกันที่ 1 ว่า ผู้ประกันที่ 1 ต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันกับผู้ประกันที่ 2 หรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้ประกันทั้งสองร่วมกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันทั้งสองผิดสัญญาประกันหลักทรัพย์ของผู้ประกันทั้งสองรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนเพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญาประกันมิได้แยกให้ผู้ประกันทั้งสองแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้น เป็นกรณีที่ผู้ประกันทั้งสองร่วมกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยชั่วคราว และศาลชั้นต้นตีราคาประกันของผู้ประกันทั้งสองรวมกันในวงเงิน 300,000 บาท ทั้งในสัญญาประกันข้อ 6 ก็มีข้อความระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกัน ดังนี้ ผู้ประกันที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันกับผู้ประกันที่ 2 อย่างลูกหนี้ร่วมด้วย และเมื่อผู้ประกันทั้งสองยังคงชำระเบี้ยปรับไม่ครบถ้วนผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลจังหวัดจันทบุรีในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 วรรคสอง ก็มีอำนาจอายัดทรัพย์ของผู้ประกันที่ 1 เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประกันให้ครบถ้วนได้ ทั้งสัญญาประกันข้อ 6 ก็เป็นข้อสัญญาที่ให้อำนาจศาลในการบังคับตามสัญญาประกัน จึงมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด แม้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 วรรคสอง ให้ถือเสมือนว่าผู้ประกันที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ก็เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ในการบังคับคดีดังที่บัญญัติไว้ในตอนต้นของมาตราดังกล่าวเท่านั้น มิได้ทำให้ความรับผิดของผู้ประกันที่ 1 ตามสัญญาประกันในฐานะลูกหนี้ร่วมหมดสิ้นไปแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ประกันที่ 1 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share