แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีจดหมายซึ่งมีข้อความหมิ่นประมาทส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงโจทก์โดยตรงไปยังสำนักงานโจทก์ แสดงเจตนาของจำเลยว่าจะให้โจทก์เท่านั้นทราบข้อความในจดหมาย มิใช่เจตนาเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม แม้เสมียนของโจทก์ทราบข้อความจากจดหมายที่จำเลยส่งไปถึงตัวโจทก์นั้น ก็เป็นเรื่องนอกเหนือเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
จำเลยมีจดหมายถึงโจทก์ แม้ข้อความในจดหมายเป็นการดูหมิ่นแต่การที่จำเลยส่งจดหมายไปกว่าจะถึงโจทก์ก็ต่างวันเวลากัน จึงไม่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามความหมายในมาตรา 393 ทั้งไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาด้วยเอกสารโดยจำเลยได้มีจดหมายส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนมาถึงโจทก์ ณ สำนักงานของโจทก์เป็นข้อความหมิ่นประมาทด้วยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความดูถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศจากเสมียนผู้มีหน้าที่รับส่งโต้ตอบหนังสือประจำสำนักงาน ซึ่งได้ทราบข้อความจากเอกสารที่จำเลยส่งไปนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 326, 328, 332(2) และมาตรา 393
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ไม่มีทางเป็นผิดตามมาตรา 328 และไม่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามมาตรา 393 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จะเป็นความผิดตามมาตรา 326 นั้น จะต้องได้ความว่าจำเลยได้ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม แต่ตามฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยมีจดหมายส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ซึ่งมีข้อความหมิ่นประมาทถึงโจทก์ หาใช่จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามไม่ ข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องข้อ 4 ว่า จำเลยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับความดูถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และได้รับความอับอายเสื่อมเสียชื่อเสียง และโจทก์ก็ได้รับความอับอาย ถูกดูถูก ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ จากเสมียนทนาย ซึ่งได้ทราบข้อความจากเอกสารที่จำเลยส่งไปยังสำนักงานทนายความถึงตัวโจทก์นั้น เห็นว่าการที่จำเลยมีจดหมายลงทะเบียนถึงตัวโจทก์โดยตรง แสดงเจตนาของจำเลยว่าจะให้โจทก์เท่านั้นทราบข้อความในจดหมาย มิใช่เจตนาเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามการที่โจทก์บรรยายมาว่า เสมียนทนายทราบข้อความจากจดหมายที่จำเลยส่งไปถึงตัวโจทก์นั้น เป็นเรื่องนอกเหนือเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ดังที่โจทก์ฎีกา
ข้อที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 นั้น ปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2513 จำเลยมีจดหมายถึงโจทก์ โจทก์ได้รับเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2513 ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังว่าข้อความในจดหมายเป็นการดูหมิ่นโจทก์ แต่การที่จำเลยส่งจดหมายไปกว่าจะถึงโจทก์ก็ต่างวันเวลากัน ไม่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้าตามความหมายในมาตรา 393 ทั้งไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณาดังที่โจทก์ฎีกา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว
พิพากษายืน