คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นลูกจ้างของบริษัทค้าน้ำมัน มีหน้าที่เพียงจ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้ที่นำใบสั่งจ่ายมายื่นเท่านั้นน้ำมันเก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีผู้อื่นเป็นผู้จัดการ ดังนี้ ไม่ถือว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองน้ำมัน เมื่อจำเลยจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่ง แล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินนั้นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้ากับพวกอีกคนหนึ่ง ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรน้ำมันเบ็นซิน 8,000 ลิตร ของบริษัทเอสโซแสตนดาร์ดประเทศไทย จำกัด ผู้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของนายศุลี มหาสันทนะ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7)(11), 357, 83 ริบไขควงกับสว่านที่ใช้ในการกระทำผิดเสียด้วย

จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 335(7)(11)จำคุก 4 ปี จำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 335(7) จำคุก 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 3, 5 ให้ยกฟ้อง ไขควงและสว่านไม่ได้ความว่าใช้ในการกระทำผิด ให้คืนเจ้าของ

จำเลยที่ 1 และที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า พฤติการณ์ที่จำเลยจ่ายน้ำมันสับสนเกินจำนวนไปนั้น ควรมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เพราะน้ำมันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว ไม่ใช่ผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรดังฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า น้ำมันเบ็นซินพิเศษของบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด ซึ่งจำเลยที่ 1 จ่ายไปนี้ ได้เก็บรักษาไว้ในคลังน้ำมันซึ่งมีนาวาเอกสุพรรณ ศีตะจิตร เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ 1 เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จ่ายหรือเติมน้ำมันให้แก่ผู้นำเอกสารใบสั่งจ่ายน้ำมันมายื่นให้เท่านั้น จำเลยที่ 1 หาใช่ผู้ครอบครองน้ำมันเบ็นซินพิเศษของผู้เสียหายไม่ จำเลยที่ 1 ได้เอาน้ำมันเบ็นซินพิเศษ8,000 ลิตร ไปโดยวิธีจ่ายน้ำมันเกินกว่าจำนวนตามใบสั่ง แล้วเอาน้ำมันที่จ่ายเกินไปนั้นไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

พิพากษายืน

Share