แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเป็นหม้ายเป็นเพียงรายละเอียดข้อเท็จจริง มิใช่สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับหรือข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่ง ข้อหา แม้โจทก์จะมิได้ระบุไว้ในคำฟ้องและหนังสือมอบอำนาจ โจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์เป็นหม้าย หาเป็นการนำสืบนอกฟ้องแต่อย่างใดไม่
ฎีกาของจำเลยที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญามัดจำก่อสร้างมีข้อความระบุว่า ป. ทำสัญญาในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย มิใช่ทำในนามของตนเอง แม้อำนาจกรรมการของบริษัทจำเลยที่จดทะเบียนไว้จะต้องมีกรรมการสองคนร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท เมื่อ ป. เป็นกรรมการและคณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งให้ ป. เป็นผู้จัดการบริษัทจำเลย ป. แต่ผู้เดียวย่อมมีอำนาจ ทำสัญญาแทนจำเลย ทั้งบริษัทจำเลยก็ยอมรับเอาผลแห่งการกระทำของ ป. ตลอดมาเพื่อจะอ้างว่า ป. ไม่มีอำนาจ หลังจากที่มีการเปลี่ยนกรรมการใหม่จึงไม่มีผลลบล้างสัญญาที่ทำไว้แล้ว สัญญาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
จำเลยปฏิเสธสิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่ตามสัญญาตลอดมา ตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้องและเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยแล้ว จำเลยก็ยังคงให้การปฏิเสธสิทธิของโจทก์อยู่เช่นเดิม ดังนั้น ไม่ว่าตามสัญญาจะมีเงื่อนเวลาอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยถือได้ว่าจำเลยสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าทำสัญญามัดจำก่อสร้างอาคารพาณิชย์กับจำเลยโดยโจทก์จ่ายเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่จำเลย ๔๕๐,๐๐๐ บาท จ่ายในวันทำสัญญา ๘๐,๐๐๐ บาท ที่เหลือโจทก์ให้เป็นงวด ๆ ตามสัญญา ขณะดำเนินการก่อสร้างโจทก์ขอปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญา แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับและบอกเลิกสัญญา โดยจำเลยไม่มีสิทธิบอกเลิก ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญามัดจำก่อสร้าง ให้จำเลยยอมรับเงินค่าก่อสร้างงวดที่เหลือตามสัญญาจากโจทก์ห้ามไม่ให้จำเลยเอาสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ดังกล่าวไปให้บุคคลอื่น ให้จำเลยดำเนินการจัดการให้โจทก์เข้าทำสัญญาเช่ากับกรุงเทพมหานครโดยถูกต้องตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยเพราะกรรมการบริษัทจำเลยลงชื่อไม่ครบ จำเลยไม่ได้รับเงินตามฟ้อง บริษัทจำเลยเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการใหม่ จำเลยบอกกล่าวให้โจทก์มาทำสัญญาใหม่ โจทก์กลับมาฟ้องโดยไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยผิดนัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญามัดจำก่อสร้าง โดยให้จำเลยยอมรับเงินช่วยค่าก่อสร้างงวดที่ ๒ และงวดที่เหลือถัดไปเมื่อถึงกำหนดจากโจทก์ให้จำเลยจัดการให้โจทก์ได้เข้าทำสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์กับกรุงเทพมหานคร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การเป็นหม้ายเป็นเพียงรายละเอียดข้อเท็จจริงมิใช่สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับหรือข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแม้โจทก์จะมิได้ระบุไว้ในคำฟ้องและหนังสือมอบอำนาจ โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เป็นหม้าย หาเป็นการนำสืบนอกฟ้องแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่านางสุพิมพร ธนาดิเรก ผู้รับมอบอำนาจ ไม่ได้รับความยินยอมจากสามี การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่านายประสงค์ กรรมการบริษัทจำเลยแต่ผู้เดียวไม่มีอำนาจทำสัญญาแทนจำเลย ทั้งนายประสงค์ทำสัญญาในนามของตนเอง สัญญาไม่ผูกพันจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญามัดจำก่อสร้างตามเอกสารหมาย จ.๓มีข้อความระบุไว้ว่า นายประสงค์ทำสัญญาในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมิใช่ทำในนามของตนเองแต่อย่างใด แม้อำนาจกรรมการของบริษัทจำเลยตามที่จดทะเบียนไว้จะต้องมีกรรมการสองคนร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทด้วย ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่า นายประสงค์เป็นทั้งกรรมการและผู้จัดการบริษัทจำเลยในขณะที่มีการทำสัญญา เมื่อคณะกรรมการแต่งตั้งให้นายประสงค์เป็นผู้จัดการบริษัทจำเลย นายประสงค์แต่ผู้เดียวก็ย่อมมีอำนาจทำสัญญาแทนจำเลย ทั้งบริษัทจำเลยก็ยอมรับเอาผลแห่งการกระทำของนายประสงค์ตลอดมาเพิ่งจะมาอ้างว่านายประสงค์ไม่มีอำนาจหลังจากที่มีการเปลี่ยนกรรมการใหม่ ซึ่งไม่มีผลลบล้างสัญญาที่ทำไว้แล้ว สัญญาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ผิดนัดผิดสัญญา เพราะโจทก์มิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือให้จำเลยรับชำระเงิน โจทก์ไม่เคยติดต่อชำระเงินแก่จำเลย และการชำระหนี้ยังไม่ถึงกำหนด โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยปฏิเสธสิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่ตามสัญญาตลอดมาตั้งแต่ก่อนโจทก์ฟ้อง และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังคงให้การปฏิเสธสิทธิของโจทก์อยู่เช่นเดิม ดังนั้นไม่ว่าตามสัญญาจะมีเงื่อนเวลาอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยก็ถือได้ว่าจำเลยสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นแล้ว โจทก์จึงอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาได้
พิพากษายืน