แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า พ. บุตรโจทก์ถูกจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ในฐานะบิดามารดาผู้ปกครองจำเลยที่ 3 และในฐานะที่เป็นผู้รับจ้างเลี้ยงดู พ. ไม่ระมัดระวังตามหน้าที่และวิชาชีพปล่อยปละละเลยให้ พ. ถูกทำร้าย ดังนี้ ข้อสำคัญอันเป็นมูลให้โจทก์ฟ้องก็คือจำเลยที่ 3 ทำร้าย พ. เท่านั้นหาได้เลยไปถึงกรณี พ.หกล้มเองไม่ประเด็นที่ว่าพ. หกล้มจนขาหักเป็นเพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในฐานะผู้รับจ้างเลี้ยงดูประมาทเลินเล่อหรือไม่จึงไม่มี การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า พ. หกล้มเอง มิใช่ถูกจำเลยที่ 3 ทำร้าย แต่พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์เพราะเหตุที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังดูแลรักษา พ. ตามควรแก่หน้าที่ จึง เป็นการพิพากษาในประเด็นที่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นบิดามารดาของเด็กชายพงษ์สิทธิ์ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจรั่ว จำเลยที่ 1 เป็นผู้ตรวจรักษาทั้งที่โรงพยาบาลเด็กและที่สำนักงานแพทย์ของตนและจำเลยที่ 1 ที่ 2 รับเลี้ยงเด็กชายพงษ์สิทธิ์ไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กของจำเลยทั้งสองโดยโจทก์ต้องเสียค่าเลี้ยงดูขณะที่เด็กชายพงษ์สิทธิ์อยู่ในความปกครองดูแลรักษาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่บ้านพักของจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ปล่อยปละละเลยจำเลยที่ 3บุตรผู้เยาว์ของตนทำร้ายร่างกายเด็กชายพงษ์สิทธิ์เป็นเหตุให้กระดูกขาข้างซ้ายหักและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ในฐานะแพทย์และผู้เลี้ยงดูไม่ใช้ความระมัดระวังหน้าที่ตามวิชาชีพ ในฐานะผู้รับจ้างเลี้ยงดูปล่อยปละละเลยให้เด็กชายพงษ์สิทธิ์ถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย และในฐานะบิดามารดาของจำเลยที่ 3 ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ปล่อยปละละเลยให้จำเลยที่ 3ทำร้ายเด็กชายพงษ์สิทธิ์จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อในการเลี้ยงดูและรักษาเด็กชายพงษ์สิทธิ์ จำเลยที่ 3 ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเด็กชายพงษ์สิทธิ์ เด็กชายพงษ์สิทธิขาซ้ายหักเพราะวิ่งสะดุดธรณีประตูห้องน้ำและการตายเกิดจากโรคปอดบวมไม่เกี่ยวกับขาหักแต่อย่างใด ค่าเสียหายสูงเกินไปขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เด็กชายพงษ์สิทธิ์ล้มลงแล้วขาหักเอง มิใช่จำเลยที่ 3เตะจนขาหัก จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังในการเลี้ยงดูเด็กชายพงษ์สิทธิ์เป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามฟ้องกล่าวถึงเหตุที่เด็กชายพงษ์สิทธิ์ตายว่าเนื่องจากถูกจำเลยที่ 3 ทำร้ายเท่านั้น เมื่อศาลชั้นต้นฟังว่าเด็กชายพงษ์สิทธิ์ล้มลงขาหักเอง มิใช่ถูกจำเลยที่ 3 เตะจนขาหัก จำเลยที่ 3 จึงไม่ได้ทำละเมิดต่อบุตรโจทกทั้งสอง จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ต้องรับผิด การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพิ่มขึ้นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ใช่ความระมัดระวังดูแลรักษาเด็กชายพงษ์สิทธิ์ตามควรแก่หน้าที่หรือไม่โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้กล่าวอ้างถึงปัญหานี้ไว้ในคำฟ้องและยกประเด็นนี้ขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1ที่ 2 ร่วมกันรับผิดจึงเป็นการพิพากษาในประเด็นที่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พิพากษาแก้เป็นว่ายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็คือจำเลยที่ 3 ทำร้ายบุตรโจทก์ถึงขาหักเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องร่วมรับผิดโจทก์ทั้งในฐานะเป็นบิดามารดาผู้ปกครองจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เยาว์และในฐานะเป็นผู้รับจ้างเลี้ยงดูบุตรโจทก์อีกด้วยข้อสำคัญอันเป็นมูลฟ้องก็คือจำเลยที่ 3 ทำร้ายร่างกายบุตรโจทก์เท่านั้นหาได้เลยไปถึงกรณีบุตรโจทก์หกล้มเองไม่ ประเด็นที่ว่าการที่บุตรโจทก์หกล้มจนขาหักเป็นเพราะจำเลยที่ 1 ที่ 2 ในฐานะผู้รับจ้างเลี้ยงดูประมาทเลินเล่อหรือไม่จึงไม่มี ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องดังกล่าวนอกฟ้อง ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย
พิพากษายืน