คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น ผู้ใดจะอยู่มาช้านานเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ แต่ถ้าหากบุคคลอื่นเข้ามากั้นรั้วปลูกเรือนแพและสิ่งอื่น ๆ กีดขวางหน้าที่ดินของเจ้าของที่ดินที่ติดกับที่ชายตลิ่งเต็มหมด จนไม่สามารถใช้สอยชายตลิ่งเข้าออกสู่ลำแม่น้ำได้แล้ว ย่อมถือว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน แปลงหนึ่ง ซึ่งทิศตะวันออกติดแม่น้ำเจ้าพระยาจำเลยได้อาศัยหรือเช่าจอดแพจากเจ้าของที่เดิม จนเต็มหน้าที่ดินส่วนกว้าง และปลูกบ้านเรือนขึ้นโจทก์ได้ขอให้จำเลยรื้อถอนเรือนแพ รั้ว กับสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปจากหน้าที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยไม่ยอมรื้อ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อเรือนแพรั้ว ถอนเสาโป๊ะ และแพกับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่หน้าที่ดินโจทก์ออกไป กับห้ามเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินที่โจทก์ปลูกเรือนกับที่ดินที่มีเรือนแพและแพตลอดจนสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของจำเลยซึ่งอยู่นอกเขตโฉนดของโจทก์นั้นไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่ง เพราะน้ำยังท่วมถึง ยังเป็นที่ชายตลิ่ง อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้ใดจะอยู่มาช้านานเท่าใด ก็ยึดถือเอาเป็นกรรมสิทธิ์ไม่ได้แต่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินบนตลิ่งติดต่อกับที่ชายตลิ่งนี้ ย่อมมีสิทธิจะใช้หรือได้รับประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวในฐานะที่เป็นราษฎรคนหนึ่ง เมื่อจำเลยกั้นรั้วจอดเรือโป๊ะ ปลูกเรือนแพและสิ่งอื่น ๆ กีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์เต็มหมด จนโจทก์ไม่สามารถใช้สอยชายตลิ่งริมที่ดินของโจทก์เป็นทางเข้าออกสู่ลำแม่น้ำเจ้าพระยาได้เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่า โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากหน้าที่ดินของโจทก์ได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share