แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้คัดค้านและขัดขวางการรังวัด แต่เมื่อกลับได้ความว่าโจทก์ได้ขอยกเลิกการรังวัดที่ดินของโจทก์แล้ว โดยให้เหตุผลในบันทึกถ้อยคำของเจ้าพนักงานที่ดินว่า โจทก์กับจำเลยสามารถตกลงแนวเขตกันได้แล้วโดยไม่ติดใจสงสัยค้านแนวเขตด้านที่ติดกัน ดังนั้นข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 ย่อมหมดไป โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 3486เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2536 โจทก์ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัด จำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 470 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ด้านทิศใต้ คัดค้านและขัดขวางการรังวัดโดยไม่ยอมนำชี้และรับรองแนวเขตที่ดิน ขอให้บังคับห้ามมิให้จำเลยทั้งสี่คัดค้านหรือขัดขวางการรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 3486 ของโจทก์ให้จำเลยทั้งสี่รับรองเขตที่ดินในการรังวัดให้โจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสี่ไม่ยินยอมให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยไม่เคยคัดค้านการรังวัดการรับรองแนวเขตที่ดินไม่ใช่เป็นหน้าที่ของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้รับรองแนวเขตที่ดิน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยทั้งสี่ไม่โต้เถียงกันรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3486ส่วนจำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 470 ตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1 และ ล.1 ที่ดินทั้ง 2 แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าพลับ อำเภอสนามจันทร์ (บ้านโพธิ์) จังหวัดฉะเชิงเทราที่ดินของจำเลยทั้งสี่ติดกับที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ โจทก์โดยนายอ่วน เจริญผล ผู้อนุบาล ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทราเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัด 2 ครั้ง คือวันที่ 29 พฤศจิกายน2536 และวันที่ 31 มกราคม 2537 แต่ฝ่ายโจทก์และจำเลยทั้งสี่ไม่สามารถตกลงแนวเขตที่ดินกันได้ จึงเลื่อนการรังวัดไปรายละเอียดตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน 2537 อันเป็นวันกำหนดทำการรังวัด โจทก์ขอยกเลิกการรังวัดรายละเอียดตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมายจ.7 ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้คัดค้านและขัดขวางการรังวัดที่ดินของโจทก์แต่เมื่อข้อเท็จจริงกลับได้ความจากโจทก์เองว่าโจทก์ได้ขอยกเลิกการรังวัดที่ดินของโจทก์เสียแล้ว โดยให้เหตุผลในบันทึกถ้อยคำว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสี่สามารถตกลงแนวเขตกันได้แล้วโดยไม่ติดใจสงสัยค้านแนวเขตด้านที่ติดกันแต่อย่างใด ดังนั้น ข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55ย่อมหมดไป โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยทั้งสี่หาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน