คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1639/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยที่ 2 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง , 67 สำหรับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีถือเป็นการแก้ไขเฉพาะบทลงโทษแต่มิได้แก้ไขโทษ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท แม้จำเลยที่ 2 จะให้การรับสารภาพ ศาลก็ต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำความผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เป็นที่พอใจว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงไม่ยุติ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ในปัญหาทำนองว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ , ๗ , ๘ , ๑๕ , ๖๖ , ๖๗ , ๑๐๒ ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง (ที่ถูก การกรกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ และแต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน) จำคุกคนละ ๕ ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๒ ปี ๖ เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๗ สำหรับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๖ วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก ๕ ปี จำเลยที่ ๒ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้วคงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ ปี ๖ เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง , ๖๗ สำหรับโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีถือเป็นการแก้ไขเฉพาะบทลงโทษแต่มิได้แก้ไขโทษ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคหนึ่ง ที่โจทก์ฎีกาทำนองว่าพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ กระทำความผิดตามฟ้องนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค ๗ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อจำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานโจทก์จนเป็นที่พอใจและพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ ๒ จะอุทธรณ์ในประเด็นเรื่องมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ จึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๕ ปี ถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ ๕๐,๐๐๐ บาท ถึง ๕๐๐,๐๐๐ บาท แม้จำเลยที่ ๒ จะให้การรับสารภาพ ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยที่ ๒ ได้กระทำความผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖ วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เป็นที่พอใจว่า จำเลยที่ ๒ กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงไม่ยุติ และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวได้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ในปัญหาข้อนี้ จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share