คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4045/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสองนำคนต่างด้าวสัญชาติลาว 20 คน โดยสารรถยนต์จากจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปส่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยรู้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนต่างด้าวและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯ มาตรา 64 วรรคหนึ่ง แล้ว
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันขับรถหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจและพุ่งชนรถของทางราชการจนเกิดการเสียหายนั้น จำเลยทั้งสองมีเจตนากระทำเพื่อหลบหนีการจับกุมดังนั้น ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงเป็นกรรมเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าว สัญชาติลาวจำนวน 20 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522โดยจำเลยทั้งสองได้ช่วยซ่อนเร้นและช่วยเหลือคนต่างด้าวทั้งยี่สิบคนดังกล่าวด้วยการให้โดยสารรถยนต์จากตำบลนาตาล กิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อพาไปส่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยจำเลยทั้งสองรู้อยู่ว่าเป็นคนต่างด้าวสัญชาติลาว และได้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้จำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะช่วยคนต่างด้าวทั้งยี่สิบคนดังกล่าวให้พ้นจากการจับกุม ภายหลังจากที่จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจพบเห็นการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าและได้แสดงตัวเข้าจับกุมจำเลยทั้งสองแต่จำเลยทั้งสองได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ โดยการขับรถยนต์คันที่พาคนต่างด้าวมาดังกล่าวหลบหนีและขับพุ่งเข้าชนรถยนต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจอดขวางทางป้องกันไม่ให้รถคันที่จำเลยทั้งสองขับมาหลบหนี ทำให้รถยนต์ของทางราชการดังกล่าวได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91, 138, 358

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 64 (ที่ถูกมาตรา 64 วรรคหนึ่ง) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138,356 (ที่ถูกมาตรา 358) ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวจำคุกคนละ 2 ปี ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจำคุกคนละ 6 เดือน ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี 6 เดือนจำเลยทั้งสองรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 ปี 9 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและรายงานการสืบเสาะพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า ไม่สมควรรอการลงโทษ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวให้ลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 แล้ว คงจำคุกคนละ 3 เดือน รวมโทษความผิดสองกระทง จำคุกคนละ 9เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกมีว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาว่าการที่จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำคนต่างด้าวขึ้นรถยนต์แล้วพาหลบหนีจนเป็นเหตุทำให้รถที่จำเลยทั้งสองร่วมกันขับพุ่งชนรถยนต์หมายเลขโล่ 27172 ได้รับความเสียหายและถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนั้น เป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียวกันแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท เห็นว่า ความผิดตามมาตรา 64 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 นั้น เพียงแต่ผู้กระทำรู้ว่ามีคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 แล้ว ยังให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุมก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว คดีนี้ได้ความว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้ให้คนต่างด้าวสัญชาติลาวจำนวน 20 คน โดยสารรถยนต์จากตำบลนาตาล กิ่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปส่งที่จังหวัดปทุมธานี โดยรู้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนต่างด้าวและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามมาตรา 64 วรรคหนึ่ง แล้ว ส่วนที่ต่อมาระหว่างทางเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบการกระทำผิดของจำเลยทั้งสองจึงเข้าจับกุม แต่จำเลยทั้งสองได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจโดยขับรถยนต์คันที่พาคนต่างด้าวมาหลบหนีและพุ่งเข้าชนรถยนต์หมายเลขโล่ 27172 นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ต่างกรรมต่างวาระกันอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แต่การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันขับรถหลบหนีและพุ่งเข้าชนรถยนต์ของทางราชการจนเกิดการเสียหายนั้นจำเลยทั้งสองมีเจตนาที่จะกระทำขึ้น และได้กระทำในวาระเดียวกันอันเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจ ดังนั้น ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…”

พิพากษายืน

Share