คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1639/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยจากที่ของโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไป 2 ปี แม้ในสัญญาประนีประนอมจะมิได้ระบุว่าเมื่อครบ 2 ปี แล้วจำเลยจะต้องยอมออกไปก็ตาม ก็ต้องตีความตามสัญญานั้นว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้วจำเลยก็ต้องออกไป

ย่อยาว

คดีนี้เป็นปัญหาชั้นบังคับคดี เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ ถึงชั้นพิจารณาคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า “คู่ความตกลงกันคือโจทก์ยอมให้จำเลยทุกคนเช่าที่ดินโจทก์ตามฟ้องต่อไปอีก ๒ ปี นับแต่วันนี้โดยคิดค่าเช่า ปีละ ๑๐๐ บาท จำเลยยอมวางค่าเช่าล่วงหน้าภายใน ๑ เดือนนับแต่วันนี้ ในการเช่าปีแรกครบจำนวน และจะวางค่าเช่าล่วงหน้าปีหลัง เมื่อครบ ๑ ปี นับแต่วันนี้ สำหรับค่าเช่าที่ค้างนั้น นับตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ปีนี้มาจนถึงวันนี้คิดตามอัตราค่าเช่าเดิมในฟ้องซึ่งจำเลยจะไปคิดและชำระให้โจทก์ภายใน ๑ เดือนนับแต่วันนี้ ถ้าจำเลยไม่ไปชำระเงินตามสัญญายอมนี้ให้ศาลขับไล่จำเลยทันที เป็นอันเลิกคดีกัน ” ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและบังคับไปตามยอมแล้ว ต่อมารครบ ๒ ปีแล้วจำเลยไม่ออกไปจากที่พิพาท โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลจับกุมกักขังให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นว่าสัญญายอมไม่ได้ระบุว่าถ้าพ้นกำหนดการเช่าแล้วให้ศาลขับไล่ ให้ยกคำร้องเสีย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่ การที่โจทก์จำเลยทำยอมกันให้จำเลยเช่าต่อไปอีก ๒ ปี ก็ต้องตีความว่าโจทก์ยอมผ่อนผันให้จำเลยอยู่ในที่ดินโจทก์อีก ๒ ปี เมื่อพ้นกำหนดแล้วก็ต้องออกไป ศาลบังคับตามคำพิพากษาท้ายยอมได้พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับให้จำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์

Share