คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้ และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง ดั่งนี้ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามคดีว่าบุกรุกในทางอาญาศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธสู้ว่าที่ดินที่จำเลยเข้าไปปลูกบ้านเป็นที่สาธารณะ ไม่ใช่ที่ของโจทก์

ระหว่างพิจารณา โจทก์จำเลยแถลงว่า โจทก์จำเลยพิพาทกันเป็นคดีแพ่งอีก 3 คดี ซึ่งเกี่ยวกับคดีอาญานี้ และว่าในคดีแพ่งโจทก์จำเลยแถลงไว้ว่า ถ้าปรากฏว่าที่ดินตามโฉนดกินถึงที่พิพาท จำเลยยอมแพ้ถ้ากินไม่ถึง โจทก์ยอมแพ้ และในคดีอาญานี้กำลังทำความปรองดองกันในคดีแพ่งดังกล่าวแล้ว ถ้าตกลงกันได้ โจทก์จะไม่ดำเนินคดีอาญานี้ต่อไป จำเลยแถลงว่าไม่มีเจตนาบุกรุกที่ดินโจทก์ โจทก์แถลงว่าแล้วแต่ศาลจะสั่ง

ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีอาญาทั้งสามนี้เป็นข้อพิพาททางแพ่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบทั้งสามคดี

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้างยังไม่พอวินิจฉัยคดีอาญาสามสำนวนนี้ได้ และคู่ความทั้งสองฝ่ายก็ประสงค์จะสืบพยานอยู่พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี

จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เองไม่รู้หลักเขตในที่ดินของโจทก์แน่นอน จะฟังว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกไม่ได้ แต่ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีทั้งสามนี้เป็นกรณีพิพาททางแพ่งจึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบนั้น ยังไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด ชอบที่จะพิพากษาไปตามรูปคดี เมื่อคดีได้ความชัดว่าจำเลยไม่มีเจตนาบุกรุกทางอาญาและศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาไปแล้วศาลฎีกาจึงชี้ขาดไปตามท้องสำนวน โดยพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์

Share