แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การคบคิดกันฉ้อฉลหรือความไม่สุจริตอันจะทำให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๖ นั้น จะต้องเกิดขึ้นขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็ค.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยที่ ๒ผู้สลักหลังร่วมกันใช้เงินตามเช็คซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากรับโอนมาโดยคบคิดกันฉ้อฉล จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริตอันจะทำให้ผู้สั่งจ่ายยกความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนขึ้นต่อสู้ผู้ทรงได้ตามข้อความตอนท้ายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๙๑๖ นั้น จะต้องเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลหรือความไม่สุจริตที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้ทรงรับโอนเช็ค เมื่อจำเลยที่ ๑ มิได้นำสืบว่าขณะที่ที่จำเลยที่ ๒ โอนเช็คให้โจทก์ได้มีการคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริตอย่างไร คดีฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่สุจริต
พิพากษายืน.