คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3674/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครอง และพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะได้ความจากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีและพกพาอาวุธปืน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดทั้งโจทก์ก็ไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยใช้ขู่ชิงทรัพย์เป็นของกลาง และไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียน จึงลงโทษจำเลยในความผิดทั้งสองฐานนี้ไม่ได้ ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ ซึ่งข้อเท็จจริงได้จากคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้เช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืนสั้นไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครองและนำติดตัวไปในเมืองตามทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ ๒ นำรถจักรยานยนต์มาใช้โดยยังไม่ได้เสียภาษีประจำปีและไม่ได้รับใบอนุญาตให้ขับรถ ทั้งไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายการเสียภาษี แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธปืนจี้และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๘๓, ๙๑, ๓๓๙, ๓๔๐ ตรี, ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา๖, ๑๑, ๔๒, ๖๐, ๖๔ และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑, ๓๓๙ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา๓๔๐ ตรี จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. ๒๔๙๐มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ จำเลยที่ ๒มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖, ๑๑, ๔๒,๖๐, ๖๔ จำเลยที่ ๑ อายุ ๑๗ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกฐานชิงทรัพย์ ๗ ปี ๖ เดือน ฐานมีอาวุธปืน ๑ ปี ฐานพาอาวุธปืน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗๒ ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ๖ เดือรวมจำคุก ๙ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ จำคุกฐานชิงทรัพย์ ๑๕ ปี ปรับฐานนำรถที่ยังไม่ได้เสียประจำปีมาใช้ ๕๐๐ บาท ปรับฐานขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต ๕๐๐ บาท และปรับฐานนำรถจักรยานยนต์มาใช้โดยไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ๕๐๐ บาท รวมจำคุก ๑๕ ปีปรับ ๑,๕๐๐ บาท ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ในข้อหามีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๑ และให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ในข้อหาขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และลงโทษจำเลยที่ ๒ในความผิดฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับจำเลยที่ ๑ คงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ ๑ ตอบคำถามค้านของโจทก์แต่เพียงว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีและพกพาอาวุธปืนเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว เพราะในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยที่ ๑ ใช้ขู่ชิงทรัพย์ผู้เสียหายมาเป็นของกลางและไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่มีหมายเลขทะเบียน จึงลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๒ นั้นก็เช่นกัน คงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ ๒ตอบคำถามค้านของโจทก์ว่า จำเลยที่ ๒ ไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นจึงลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดฐานขับรถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถตามฟ้องไม่ได้
พิพากษายืน.

Share