คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างทำของ
จำเลยจ้างโจทก์ว่าความ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไปยื่น ศาลนัดไต่สวนและยังไม่ได้รับประทับฟ้อง จำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดีให้จำเลย โจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์
ค่าสินไหมทดแทน แม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้งว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2509).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ใช้กลฉ้อฉลหลอกลวงให้จำเลยฟ้องคดีว่ามีทางชนะ เมื่อจำเลยรู้สึกตัวว่าฟ้องไม่ถูกต้องและคดีขาดอายุความ ไม่มีทางชนะ จึงเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์และขอถอนฟ้องเสีย โดยไม่ได้มีการประนีประนอมและได้รับส่วนแบ่งจากกองมรดกอย่างใด และตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างไม่ได้ โจทก์ปลอมสัญญาจ้างว่าความ สัญญาจึงเป็นโมฆะ สัญญาจ้างว่าความแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์พิพาทเป็นโมฆะและยังไม่มีผลบังคับ โจทก์ฟ้องโดยไม่สุจริต และค่าจ้างไม่ควรถึงจำนวนดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทำสัญญาจ้าง โจทก์ว่าความจริง โจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยยื่นฟ้องให้แล้ว ข้อตัดฟ้องของจำเลยฟังไม่ขึ้น สัญญาจ้างมีผลบังคับได้ จำเลยขอถอนฟ้องทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีนั้นยุติ โจทก์ต้องหยุดการดำเนินคดีโดยไม่ใช่ความผิดของโจทก์ จึงควรได้ค่าจ้างเพียงเท่าผลงานที่ได้ทำไปแล้ว ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างตามสัญญา แต่เรียกค่าสินไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดแต่การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาได้ แต่โจทก์สืบแสดงความเสียหายได้ไม่แน่นอน จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ๑๕,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์จำเลยฎีกา โดยโจทก์ขอให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาจ้างว่าความไม่เป็นโมฆะ ไม่เป็นสัญญาแบ่งส่วนเอาจากทรัพย์พิพาทและมีผลบังคับได้ และมีมติโดยที่ประชุมใหญ่ว่า สัญญาจ้างว่าความเป็นสัญญาจ้างเหมาให้ทำของ โจทก์ทำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีอย่างอนาถาไปยื่น ศาลยังไม่ได้รับประทับฟ้อง โจทก์ยังมีหน้าที่จะต้องดำเนินคดีต่อไปอีก แต่จำเลยบอกเลิกสัญญาและขอถอนฟ้อง เป็นผลให้โจทก์ต้องหยุดดำเนินคดี โจทก์จึงยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๕ แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์ ค่าสินไหมทดแทนแม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้ชัดแจ้ง ศาลก็กำหนดให้ได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ ๓๐,๐๐๐ บาท

Share