แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้เสียหายกับจำเลยตกลงกันว่า ให้จำเลยเก็บเพชรไว้ดูก่อน จำเลยจะซื้อเพชรที่เข้ากับตัวเรือนได้และจะคืนเพชรที่ใช้ไม่ได้แก่ผู้เสียหายใน 1 สัปดาห์ เป็นการเสนอขายเผื่อชอบ เมื่อเพชรรายการหนึ่งหายไปและจำเลยไม่ชำระราคาเพชรรายการนี้ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับมอบเพชรรัสเซียราคา ๘๘,๒๗๐ บาท ของผู้เสียหายไว้ในความครอบครอง แล้วเบียดบังเอาเพชรดังกล่าวไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา ๘๘,๒๗๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ จำคุก ๑ ปี และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา ๘๘,๒๗๐บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การซื้อขายเพชรรัสเซียระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยได้ความจากผู้เสียหายเองว่ามีข้อตกลงกันว่า จำเลยจะต้องขอดูเพชรก่อน ถ้าเพชรเม็ดใดเข้ากับตัวเรือนได้ก็จะซื้อเพชรเม็ดนั้น ผู้เสียหายจึงมอบเพชรให้นางสาวพิมพ์มาศลูกจ้างจำเลยไว้รวม ๖ รายการ และจำเลยได้บอกผู้เสียหายว่า หลังจากรับเพชรไว้เพื่อตรวจดูแล้ว ๑ สัปดาห์ ให้ผู้เสียหายไปพบจำเลยเพื่อจำเลยจะได้คืนเพชรที่ใช้ไม่ได้แก่ผู้เสียหาย ตามข้อตกลงดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเป็นการเสนอขายเผื่อชอบ ถ้าฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อพอใจก็จะเลือกเพชรที่ต้องการไว้และชำระราคาเป็นจำนวนแน่นอน ส่วนที่ไม่ใช้ก็จะคืนให้ผู้เสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าลูกจ้างจำเลยได้รับมอบเพชรทั้ง ๖ รายการไว้ แต่รายการที่ ๖ ซึ่งไม่ได้ใช้หายไปและจำเลยไม่ชำระราคา ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยไม่อาจคืนเพชรดังกล่าวและไม่ยอมชำระราคาให้ผู้เสียหายไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก
พิพากษายืน.