แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายซึ่งจำเลยมีสิทธิฎีกาได้ กล่าวคือในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ยกฟ้องโจทก์ สำหรับมาตรา 265 แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 เป็นคำพิพากษาที่แก้ไขมากและไม่ใช่กรณีที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 สำหรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย จำเลยฎีกาในข้อ 5 ว่าการกระทำของ จำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ที่ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้หรือไม่ และข้อ 6 ว่าเมื่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ตกไป ความผิดตามมาตรา 267ก็น่าจะตกไปด้วย ส่วนข้อ 7 ฎีกาว่าการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนขัดกับหลักการสืบและ รับฟังคำพยานตามกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 135)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137,267,268,83,90,91 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานใช้เอกสารราชการปลอมให้จำคุก 2 ปี ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ลงโทษบทหนักตาม มาตรา 267 ให้จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,267,268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265,83,90 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 130)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 135)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยฐานใช้เอกสารราชการปลอม 2 ปี ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการลงโทษบทหนักตามมาตรา 267 จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลย 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลย 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยมิได้เป็นผู้แจ้งหรือให้จดข้อความอันเป็นเท็จแต่เจ้าพนักงานจดข้อความเอง ทั้งฟังไม่ได้ว่าเป็นเอกสารปลอมจะถือว่าจำเลยใช้เอกสารปลอมได้อย่างไรก็ดีและจำเลยมิได้เกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารก็ดี ตลอดทั้งฎีกาว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานคลาดเคลื่อนขัดกับหลักการสืบและการรับฟังพยานหลักฐานก็ดี เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง