คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายกับจำเลยตกลงกันว่า ให้จำเลยเก็บเพชรไว้ดูก่อน จำเลยจะซื้อเพชรที่เข้ากับตัวเรือนได้และจะคืนเพชรที่ใช้ไม่ได้ แก่ผู้เสียหายใน 1 สัปดาห์ เป็นการเสนอขายเผื่อชอบ เมื่อเพชรรายการหนึ่งหายไปและจำเลยไม่ชำระราคาเพชรรายการนี้ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยักยอกเพชรรัสเซีย ราคา 88,270 บาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปีและให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของนางสาวพิมพ์มาศหรืออ้อย เพ็ชรเอี่ยมพยานโจทก์ว่า พยานเป็นผู้ตรวจรับและเก็บเพชรทั้ง 6 รายการของผู้เสียหายไว้ เพชรพิพาทรายการที่ 6 ได้หายไปพยานเข้าใจว่าคงจะหายระหว่างที่คัดให้ช่างที่มารับไปทำตัวเรือน แต่ไม่ทราบว่าหายเมื่อใด พยานยอมชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายโดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนแต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม พฤติการณ์เช่นนี้ ฟังได้ว่านางสาวพิมพ์มาศเป็นผู้รับมอบเก็บเพชรรัสเซียรายการที่ 6ตามเอกสารหมาย จ.1 จากผู้เสียหายไว้จริงและได้ความต่อมาว่าเมื่อผู้เสียหายมาคิดเงินและรับเพชรที่จำเลยไม่ได้นำไปใช้คืนปรากฏว่าเพชรรายการที่ 6 ดังกล่าวหายไป แต่จำเลยไม่ยอมใช้ราคาเพชรรายการที่ 6 ให้แก่ผู้เสียหายโดยปัดความรับผิดไปที่นางสาวพิมพ์มาศ ซึ่งเป็นลูกจ้างและเป็นผู้ตรวจเก็บเพชรทั้ง6 รายการนี้ไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าการซื้อขายเพชรรัสเซียระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ได้ความจากผู้เสียหายเองว่า มีข้อตกลงกันว่าจำเลยจะต้องขอดูเพชรก่อน ถ้าเพชรเม็ดใดเข้ากับตัวเรือนได้ก็จะซื้อเพชรเม็ดนั้น ผู้เสียหายจึงมอบเพชรให้นางสาวพิมพ์มาศลูกจ้างจำเลยไว้รวม 6 รายการ และจำเลยได้บอกผู้เสียหายว่าหลังจากรับเพชรไว้เพื่อตรวจดูแล้ว 1 สัปดาห์ ให้ผู้เสียหายไปพบจำเลยเพื่อจำเลยจะได้คืนเพชรที่ใช้ไม่ได้แก่ผู้เสียหาย ตามข้อตกลงดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเป็นการเสนอขายเผื่อชอบ ถ้าฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อพอใจก็จะเลือกเพชรที่ต้องการไว้และชำระราคาเป็นจำนวนแน่นอนส่วนที่ไม่ใช้ก็จะคืนให้ผู้เสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าลูกจ้างจำเลยได้รับมอบเพชรทั้ง 6 รายการไว้แต่รายการที่ 6ซึ่งไม่ได้ใช้หายไป และจำเลยไม่ชำระราคา ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปฟ้องร้องกันในทางแพ่ง การที่จำเลยไม่อาจคืนเพชรดังกล่าวทั้งไม่ยอมชำระราคาให้แก่ผู้เสียหายนั้นไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกดังที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share