คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยร่วมกันกระทำผิดฐานชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและลงโทษจำเลย โจทก์เพียงฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตามฟ้องโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ว่าตนมิได้กระทำผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนการที่จำเลยฎีกาว่า ตนไม่ได้ฆ่าผู้ตาย ขอให้ลงโทษสถานเบาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว และเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288,289, 340 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสุดท้าย และมาตรา 289การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นบทหนักให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ลดโทษให้หนึ่งในสามคงให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานชิงทรัพย์และฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายและลงโทษจำเลยทั้งสอง โจทก์เพียงฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตายตามฟ้อง โดยจำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้กระทำผิดและขอให้ยกฟ้องหรือแก้อุทธรณ์ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าตนไม่ได้ฆ่าผู้ตายและขอให้ลงโทษสถานเบาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วและเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ ไม่มีเหตุที่จะรับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 1”

Share