แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับเวลาว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2505 เวลากลางนั้น เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นข้อผิดพลาดในการเรียงความโดยเขียนตกคำว่า วัน หรือคืน ไปคำหนึ่ง ทั้งความผิดฐานเล่นพนันสลากกินรวบนี้ จะกระทำในเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็หาเป็นสาระสำคัญแห่งการกระทำผิดไม่ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ คงเข้าใจตลอดมาว่าโจทก์กล่าวหาว่ากระทำผิดในเวลากลางวัน จึงจะชี้ขาดว่าฟ้องโจทก์บกพร่อง โดยไม่ระบุเวลาถึงขนาดที่จะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2506)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2505 เวลากลาง จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยนี้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันรายนี้ขึ้น เพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและเข้าเล่นเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ขายสลากกินรวบให้แก่ลูกค้าผู้เข้าเล่นพนัน โดยจำเลยกับพวกถือเอาเลขท้าย 2 ตัวของสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 ซึ่งออกงวดวันที่ 10 มกราคม 2505 เป็นเลขถูกรางวัลโดยมิได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ตำบลกุดป่องอำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลจังหวัดเลยพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง จำคุก 3 เดือนปรับ 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยขายสลากกินรวบจริง ส่วนเวลาที่ตกคำว่า “วัน” หรือ “คืน” ไป ตามทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยทำผิดเวลากลางวัน ซึ่งจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้อย่างใด ตามฟ้องอุทธรณ์จำเลยยังคงเข้าใจว่าโจทก์กล่าวหาว่าทำผิดเวลากลางวัน จึงเป็นฟ้องที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ไม่เคลือบคลุมพิพากษายืน
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่พร้อมกันพิจารณาปัญหาที่ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุชัดว่ากลางวันหรือกลางคืนไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว เห็นว่ากรณีนี้เป็นที่ประจักษ์ว่า ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเพียงว่า “เวลากลาง” นั้น เป็นข้อผิดพลาดในการเรียงความโดยเขียนตกคำว่า วัน หรือคืน ไปคำหนึ่ง จะชี้ขาดว่าฟ้องโจทก์บกพร่องโดยไม่ระบุเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดถึงขนาดที่จะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หาได้ไม่ ทั้งความผิดที่โจทก์กล่าวหานี้จะกระทำในเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็หาเป็นสาระสำคัญแห่งการกระทำผิดอย่างไรไม่ จำเลยก็มิได้หลงต่อสู้อย่างใดคงเข้าใจตลอดมาจนชั้นอุทธรณ์ว่า โจทก์กล่าวหาว่ากระทำความผิดในเวลากลางวัน ศาลฎีกาจึงเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้ในข้อที่มิได้กล่าวไว้นั้น ฎีกาจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน