แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเดิมจำเลยฟ้องเรียกมรดกผู้ตายจากโจทก์ จึงเป็นกรณีที่พิพาทกันเรื่องมรดกโดยตรงและมีประเด็นชัดแจ้งว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายได้อย่างไร แต่โจทก์ให้การสู้คดีเฉพาะเรื่องพินัยกรรมอย่างเดียว มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เลยว่าผู้ตายได้รับรองโจทก์เป็นบุตรดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาชี้ขาดว่าพินัยกรรมนั้นใช้ไม่ได้ คดีถึงที่สุดฉนั้นโจทก์จะรื้อฟื้นกล่าวหาเรียกมรดกรายเดียวกันขึ้นมาอีกโดยกล่าวอ้างว่าผู้ตายได้รับรองโจทก์เป็นบุตรไว้แล้วโจทก์จึงมีสิทธิได้รับมรดกเช่นนี้หาได้ไม่เพราะมิใช่คนละประเด็นกับคดีก่อน ย่อมถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2498)
ย่อยาว
คดีเดิมจำเลยในคดีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในความนี้เป็นจำเลยตามสำนวนคดีแพ่งแดงที่ ๖๐/๒๔๙๒ เรียกมรดกของนายชื่นโจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยต่อสู้ว่าได้รับมรดกโดยพินัยกรรมอันสมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคงมีประเด็นข้อเดียวว่าพินัยกรรมใช้ได้หรือไม่เท่านั้น จึงย้อนสำนวนกลับให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาว่าพินัยกรรมใช้ไม่ได้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับกองมรดกและให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกที่ดินพิพาท ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตาม
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีนั้นแล้ว โจทก์ในคดีนี้ชื่อเป็นจำเลยในคดีก่อนจึงกลับฟ้องโจทก์ในคดีก่อนเป็นจำเลยในคดีนี้ว่า ด.ช.ชม ด.ญ.ชิต โจทก์เป็นบุตรที่นายชื่นได้รับรองแล้วมีสิทธิได้รับมรดกของนายชื่นจำเลยไม่มีสิทธิได้รับมรดก ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นผู้รับมรดกนายชื่น ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่า ๑. นายชื่นไม่ได้รับรองโจทก์ว่าเป็นบุตร ๒. คดีเป็นเรื่องฟ้องซ้ำ ๓. คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ๑. โจทก์เป็นบุตรนายชื่นนายชื่นได้รับรองแล้ว ๒. คดีไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนมีประเด็นวินิจฉัยแต่เฉพาะเรื่องพินัยกรรมอย่างเดียวเท่านั้น ประเด็นคดีนี้มิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็่นคนละประเด็น ๓. คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ๑. นายชื่นรับรอง ด.ช.ชม ด.ญ. ชิตเป็นบุตรแล้วหรือไม่ ๒. คดีเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าคดีเดิมเมื่อจำเลยในคดีนี้ฟ้องเรียกมรดกนายชื่นจากโจทก์ ๆ มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เลยว่านายชื่นได้รับรอง ด.ช.ชม ด.ญ.ชิต ว่าเป็นบุตร ความจริงก็น่าเห็นใจโจทก์อยู่เป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นด้วยความบกพร่องของโจก์เองที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในครั้งกระนั้นเพราะกรณีพิพาทกันด้วยเรื่องมรดกโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลยและมีประเด็นโดยชัดแจ้งแล้วว่าโจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของนายชื่นผู้ตายได้อย่างไร โจทก์ต่อสู้คดีเฉพาะเรื่องพินัยกรรมอย่างเดียว เมื่อศาลพิพากาษาชี้ขาดแล้วคดีก็ต้องถึงที่สุด ฉนั้นโจทก์จะมารื้อฟื้นกล่าวหาเรียกมรดกรายเดียวกันนี้อีกไม่ได้จึงเป็นการฟ้องซ้ำไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไป
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์